Tigger Sound
สังคมออนไลน์คุณภาพของคนรักเครื่องเสียง
ทดสอบเสียง HK1.1 By Tiggersound https://www.facebook.com/tiggersound/videos/10218510874389162

เรื่องของไมค์โครโฟน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ love995

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 472
พอดีหาความรู้อยู่ไปเจอมาเลย นำมาฝากครับ ผิดพลาดประการใดขอโทษด้วยครับ....


สมาชิกบางหลายๆ ท่านอาจจะไม่รู้ว่า  ไมโครโฟนที่เราคลุกคลีอยู่ทุกวี่ทุกวัน  จนเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาวเครื่องเสียง
แบ่ง ได้เป็นกี่ประเภท  คนที่รู้แล้วก็ช่วยกันแนะนำเพิ่มเติมได้  ผมออกจะงงเหมือนกันกับไมโครโฟน  ตั้งแต่เด็กก็พอรู้นะครับว่าไมค์มีสองประเภท
1.  ประเภทที่มีไฟเลี้ยงที่วงจรไมค์  หรือ  condenser  microphone
2.  ประเภทที่ไม่มีไฟเลียงที่วงจรไมค์  หรือ  dinamic  microphone
ส่วนเรื่องค่าของความต้านทานของไมค์ก็มีหน่วยเป็นโอมห์เหมือนกันครับ  ส่วนใหญ๋ 600 โอมห์  AKG  250 โอมห์ผมก็เคยเจอมาแล้วครับ

พอดีผมไปอ่านเจอมาจากเว็ปของไทยนี่แหละครับ  ก็เลยไม่ต้องเรียบเรียงเองให้เสียเวลาเรื่องแค่นี้นำมาเล่าสู่กันฟังดีกว่า
จะได้มีความรู้เล็กๆ น้อยๆ ถ้าหากมีใครถามก็พอที่จะร่วมวงสนทนากับเค้า เรื่องของไมโครโฟนได้แบบที่ไม่อายใครครับ

วิธีการเลือก  และและเทคนิควิธีการใช้ไมค์โครโฟน
ใน เรื่องของไมโครโฟนจะมีสองส่วนใหญ่ ส่วนแรกคือวิธีเลือก ( choosing ) กับวิธีวาง ( placing ) ซึ่งทั้งสองส่วนมีความสำคัญมากไม่แพ้กันครับ

ถ้า เข้าใจสองส่วนนี้แล้วก็สามารถพูดได้เลยว่าทำงานบันทึกเสียงโดยใช้ไมโครโฟน ได้อย่างมีชั้นเชิง ในตอนนี้เราจะมาว่ากันถึงส่วนแรกก่อนคือวิธีเลือก ( choosing ) ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับไมโครโฟนซักนิดก่อนครับ ไมโครโฟนเป็นอุปกรณ์บันทึกเสียงชนิดหนึ่งที่ไม่ได้ทำให้เสียงดังขึ้น ขอย้ำว่าไม่ได้ทำให้เสียงดังขึ้น พอพูดถึงเรื่องนี้หลายคนเริ่มสงสัยว่าทำไมพูดอย่างนั้น คือลองดูที่ชื่อของมันสิครับ Microphone ( Micro แปลว่าเล็ก Phone แปลว่าเสียง Microphone น่าจะแปลว่าเสียงเล็กๆถ้าแปลแบบกำปั้นทุบดินไม่เห็นมีการพูดถึงการขยายเสียง เลย ) การทำงานของไมโครโฟนตัวมันก็ไม่มี แอมปลิฟลายน์ในตัวซักหน่อย ที่จะมาขยายเสียงได้ คราวนี้ให้ลองสังเกตดูที่สายที่ต่อออกจากไมโครโฟนมันจะเป็นสายเคเบิลที่ทำ ด้วยทองแดง ลองถามตัวเองดูเล่นๆนะครับว่าเสียงสามารถอยู่ในทองแดงแล้ววิ่งไปมาได้หรือ คำตอบคือเสียงไม่สามารถอยู่ในทองแดงแล้ววิ่งไปมาตามที่เราต้องการได้ครับแต่ นี่ละครับเป็นหน้าที่ของเจ้า
ไมโครโฟนที่จะทำให้เสียงวิ่งอยู่ในลวดทอง แดงได้ เพราะสิ่งที่จะวิ่งอยู่ในลวดทองแดงหรือพวกสายเคเบิลได้คือไฟฟ้าครับ ซึ่งเจ้าไมโครโฟนจะเปลี่ยนสัญญาณเสียงที่มันได้รับเป็นสัญญาณไฟฟ้า พอเสียงกลายเป็นสัญญาณไฟฟ้าก็วิ่งไปมาในระบบได้เต็มที่เลยครับและสุดท้าย สิ่งที่จะเปลี่ยนไฟฟ้ากลับมาเป็นเสียงอีกครั้งเพื่อให้เราได้ยินก็คือลำโพง นั่นเองเพราะฉะนั้นไมโครโฟนกับลำโพงส่วนประกอบของมันจริงๆแล้วหลักการก็ คล้ายกันมากเพียงแต่ต่อมันกลับหัวกลับหางเท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าเราเอาไมโครโฟนมาตัวหนึ่งแล้วลองพูดดูถ้าเป็น Dynamic Microphone
( ไมโครโฟนที่ทำงานโดยไม่ต้องใช้ไฟ ) มันจะมีไฟออกมาทางก้นไมโครโฟนทันทีแต่ไม่ต้องกลัวถูกไฟดูดหรอกครับเพราะขนาด ไฟที่ออกมามีขนาดน้อยมากๆไม่มีทางดูดใครได้ บางท่านอาจจะแย้งว่าเคยถูกไมโครโฟนดูดเป็นประจำเวลาเอาปากไปร้องใกล้ๆ อันนั้นไม่ใช่ไฟที่ออกมาจากไมโครโฟรครับมันมักจะเป็นไฟที่รั่วมาจากอุปกรณ์ ตัวอื่นๆมากกว่า เช่น พวกพาวเวอร์แอมป์เป็นต้น สัญญาณที่ได้จากไมโครโฟนนั้นยังไม่พร้อมที่จะนำไปบันทึกเสียงหรือออกกระจาย เสียงครับเนื่องจากสัญญาณมันเบามาก ต้องมีตัวขยายเสียงอีกทีหนึ่งคุณเจ้าตัวที่มาขยายสัญญาณจากไมโครโฟนก็คือ ปรีไมโครโฟน ( Pre Microphone Amplifier ) เมื่อสัญญาณที่ได้จากไมโครโฟนถูกขยายแล้วก็สามารถลงไปซาวด์การ์ดได้เลยหรือ พูดง่ายๆคืออัดได้เลยครับ ปรีไมโครโฟนนี้มีหลายที่ครับ ซาวด์การ์ดบางรุ่นก็มี ( ช่องที่ให้เสียบไมค์นั่นละครับคือปรีไมค์ ) มิกซ์เซอร์ก็มีครับแต่ถ้าจะให้คุณภาพดีที่สุดควรจะเป็นปรีไมค์ที่เป็นแร็ค อยู่ด้านนอกครับคุณภาพก็ตามราคา
ครับ มีตั้งแต่หลักพันยันหลักแสนครับ หลังจากที่พูดถึงการทำงานของไมโครโฟนเบื้องต้นมาพอสมควรแล้วผมขออนุญาติ แบ่งไมโครโฟนออกเป็น 2 ประเภทเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจแล้วกันนะครับ

 

1 . Dynamic Microphone เป็นไมโครโฟนที่ไมต้องใช้ไฟคือตัวมันเสียบเข้าปรีไมค์แล้ว Boost เสียงก็ดังทันทีเลย ธรรมชาติของไมโครโฟนประเภทนี้มักจะไม่ค่อยไว เหมาะสำหรับจับเสียงตู้แอมป์กีตาร์ แอมป์เบส เสียงกระเดื่อง กลองทอม ไม่นิยมที่จะใช้จับ Ambient ( บรรยากาศห้อง ) , เสียงร้อง , เสียงกีตาร์อคูสติคหรือเครื่องอคูสติค ทั้งหลายเนื่องจากไม่ไวพอ ยกเว้นเครื่องเป่าบางขนิดที่เสียงดัง เช่น แซ็คโซโฟน , ทรัมเป็ต ส่วนพวกฉาบและไฮแฮท ( เครื่องทองเหลือง ) ไม่นิยมจับด้วย Dynamic Microphone เนื่องจากไมโครโฟนกลุ่มนี้ไม่ค่อยตอบสนองย่านความถึ่ช่วงสูงได้ดีนัก

2 . Condenser Microphone อันนี้เป็นไมโครโฟนที่ต้องใช้ไฟครับ แต่มันจะใช้ไฟเพียงแค่ 48 volt เราจะเรียกว่า Phantom ( หรือใช้สัญลักษณ์ +48V ) ซึ่งหากจะใช้ไมโครโฟนประเภทนี้ต้องมี คุณเจ้าไฟ +48 V ด้วยครับ ซึ่งไมโครโฟนที่ใช้ไฟพวกนี้จะมีความไวสูงมากครับคือเสียงเบาๆมันก็รับไปหมด ซึ่งเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียครับ คือ มันจะให้รายละเอียดที่มากและยังสามารถรับความถี่สูงได้ดีอีกด้วย สามารถเอามาจับบรรยากาศห้องก็ได้เพราะมันไวพอ หรือจะเอามาจับเครื่องอคูสติกก็เยี่ยมครับ แต่ข้อควรระวังก็มีครับคือเนื่องจากความไวของมันนั่นเองทำให้ไม่เหมาะที่จะ นำไปใช้กับสถานที่ที่มีเสียงรบกวนสูง และไม่สามารถที่จะนำไปวางใกล้ๆกับอุปกรณ์ดนตรีที่มีเสียงดังมากๆได้ เช่นพวกตู้แอมป์ต่างๆ ( แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สามารถจับตู้กีตาร์ได้นะครับเพียงแต่ต้องระวัง เป็นอย่างมากและต้องรู้เทคนิคเล็กน้อย )
หลังจากที่ทราบรายละเอียด เกี่ยวกับชนิดของไมโครโฟนแล้วมีอีกเรื่องที่สำคัญมากๆต่อการเลือกใช้ ไมโครโฟน คือ ขนาดของ Diaphragm ( คือ ขนาดของแผ่นรับเสียงที่ไมโครโฟน ต้องขออภัยครับที่ไม่สามารถแปลคำว่า Diaphragm เป็นภาษาไทยได้เพราะไม่ทราบจริงๆว่ามันแปลเป็นไทยว่าอะไรถ้าท่านใดทราบก็ เมลล์มาบอกกันได้นะครับ ) ไมโครโฟนที่ Diaphragm ใหญ่ ( Large Diaphragm ) จะตอบสนองต่อความถี่ต่ำได้ดีกว่า ไมโครโฟนที่ Diaphragm เล็ก ( Small Diaphragm ) ส่วนความถี่สูง Diaphragm เล็กจะตอบสนองได้ชัดเจนกว่าแต่ Diaphragm ใหญ่ก็ตอบสนองได้ครับ แต่เนื่องจาก Diaphragm ใหญ่จะให้ความถี่ต่ำด้วยบางครั้งเลยทำให้ดูเหมือนว่ามันตอบสนองความถี่สูง ได้ไม่ชัดเจนเท่า Diaphragm เล็ก สรุปว่าสำหรับความถี่ต่ำ สมควรถูกจับด้วย Diaphragm ใหญ่เท่านั้น ส่วน ความถี่สูงจะจับด้วย Diaphragm เล็กก็ได้ใหญ่ก็ได้แต่จะได้สำเนียงต่างกัน

ขอสรุปการเลือกใช้ ไมโครโฟนตามมาตรฐานตามขนิดเครื่องดนตรีเพื่อเป็นแนวทางการเลือกซื้อเลือกใช้ ( ไมโครโฟนที่ยกเป็นตัวอย่างเป็นไมโครโฟนที่ทั่วโลกนิยมใช้กัน บางตัวราคาอาจสูงมากลองเอาชื่อไมโครโฟนเหล่านี้ไป Search ดูเล่นก็ได้ครับจะเห็นรายละเอียดอีกมากมาย )
- Bass Drum ควรจับด้วย Large Diaphragm Dynamic Microphone รุ่นที่นิยมได้แก่ AKG D112 , Electrovoice RE20 , Shure
- Snare ควรจับด้วย Dynamic Microphone รุ่นที่นิยมได้แก่ Shure SM57
- Tom ควรจับด้วย Large Diaphragm Dynamic Microphone รุ่นที่นิยมได้แก่ Sennheizer MD421 ( สำหรับ Tom ใบเล็กบางท่านอาจนิยมจับด้วย Shure SM57 สำหรับ Floor Tom บางท่านอาจนิยมจับด้วย Electrovoice RE 20 )
- Hihat ควรจับด้วย Condensor Microphone รุ่นที่นิยมได้แก่ AKG 414 , AKG 451 , Neumann KM 184
- Overhead ควรจับด้วย Condensor Microphone รุ่นที่นิยมได้แก่ Neumann U 87 , Neumann KM 184 , AKG 451
- Amp Bass ควรจับด้วย Large Diaphragm Microphone จะเป็น Dynamic หรือ Condensor ก็ได้ แต่ถ้าเป็น Condensor ควรจะวางห่างออกมาซักประมาณ 1 ฟุต รุ่นที่นิยมได้แก่ Electrovoice RE 20 , AKG D112 , Neumann U 87 , AKG C12
- Amp Guitar มีวิธีการจับที่หลากหลาย (จะขอเขียนอย่างละเอียดในคราวหน้าครับ )สำหรับรุ่นที่นิยมได้แก่ Shure SM57 ,Sennheizer MD 421 , Neumann U87 , AKG 414
- Acoustic Guitar ควรจับด้วย Condersor Microphone หากใช้ Diaphragm เล็ก ก็จะได้ยินเสียงสายชัด หากใช้ Diaphragm ใหญ่จะได้ยินเสียง Body ชัดกว่า
- เสียงร้อง ควรจับด้วย Large Diaphragm Condensor Microphone รุ่นที่นิยมได้แก่ Neumann U87 , Neumann U47 , Neumann U67 , AKG C12



สัง เกตุได้ว่าไมโครโฟนแต่ละตัวจะเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างออกไปเพราะฉะนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าไมโครโฟนตัวใดดีที่สุดต้องดูการใช้งานเป็นหลัก เพราะฉะนั้นหากต้องการเลือกซื้อไมโครโฟนควรประเมินก่อนว่าเราต้องการอัด เสียงอะไรแล้วเลือกซื้อไมโครโฟนให้ตรงกับการใช้งาน อาจไม่ต้องถึงกับซื้อรุ่นสุดยอดแต่ถ้าสามารถเลือกได้ตรงกับการใช้งานก็ สามารถได้เสียงที่ดีเช่นกันครับ ในทางตรงกันข้ามถ้าใช้ไมโครโฟนราคาแพงแต่ไม่ตรงกับหน้าที่ของมันก็อาจจะได้ เสียงที่ไม่ดีนักครับ
นาย เดชา ชินบุตร เลขที่ 149 หมู่ 2 ต.ำบล แม่ต้าน อำเภอ ท่าสองยาง จังหวัด ตาก 63150 TEL : 093-189-7447 ธ.ออมสิน 020291885463  /  ID Line:080-6853818