จับตา..จัดฮั้ว3จีกสทช.SALE30%ล้าหลัง ทำช้าไปร่วม 10 ปี...แต่อีกไม่ กี่วัน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะเปิดประมูลคลื่นโทรศัพท์ 3 จี
แต่บ้านเราจะได้ใช้โทรศัพท์ 3 จีแท้ ไม่ใช่ 3 จีเทียมที่อัพเกรด มาจาก 2 จี หรือไม่...ไม่ค่อยแน่ใจ แบบเดียวกับไม่มั่นใจกับ การบริหารจัดการน้ำนั่นแหละ ด้วยธุรกิจนี้ผลประโยชน์มหาศาล แตะไปตรงไหนกลิ่นทุจริตโชยตรงนั้น จนดูเหมือนเป็นธุรกิจมืดต้องมนต์คำสาปสำหรับเมืองไทย
ประมูลหนนี้เป็นการประมูลครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรกมีอันต้องล้มไป ด้วยเหตุผลขัดข้องทางเทคนิค คณะกรรมการ กสทช. ไม่สมบูรณ์ มาหนนี้ได้คณะกรรมการถูกต้องตามกฎหมาย...
แรกๆ มีทีท่าดูดีน่าจะไปได้สวย...แต่ทำไปทำมา กลิ่นแกล้งโง่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย โชยมาอีกแล้ว
เพราะคลื่น 3 จี ในช่วงความถี่ 2.1 GHz ที่ กสทช.นำออกมาประมูล มีขนาดกว้าง 45 MHz...ถ้าพูดอธิบายเป็นภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ มีพื้นที่ให้ทำ 3 จี อยู่ 45 ไร่ ถ้าเอาพื้นที่มาแบ่งซอยเป็นแปลงเล็กๆ แปลงละ 1 ไร่ เพื่อออกใบอนุญาต 45 ใบ ไม่คุ้มค่าที่จะทำได้ในเชิงพาณิชย์...จะให้คุ้มค่าสำหรับทำ 3 จี พื้นที่จะต้องมีอย่างน้อย 5 ไร่ หรือมีช่วงความถี่กว้าง 5 MHz เท่ากับว่า พื้นที่ 45 ไร่ สามารถเอามาแบ่งทำ 3 จี แปลงละ 5 ไร่ ได้ 9 แปลงมาแบ่งซอย
นั่นหมายความว่า กสทช. สามารถให้ใบอนุญาตได้ 9 ใบ... ที่ผู้ประกอบการจะต้องมาแข่งแย่งกันประมูล ผู้ประกอบการสนใจจะประมูลไปกี่ใบก็ได้ แต่ไม่เกิน 4 ใบ เพื่อป้องกันการผูกขาด...เพราะยิ่งได้ใบอนุญาตมาก มีพื้นที่มาก ย่อมจะให้บริการลูกค้ามาก กำไรที่ตามมาจะยิ่งงดงาม แบบเดียวกับเปิดร้านขายอาหาร มีพื้นที่มาก วางโต๊ะ ได้เยอะ ที่จอดรถเพียบ...รับลูกค้าได้มาก แรกๆ กสทช. กำหนดหลักเกณฑ์เปิดให้มีการประมูลแบบเสรี ให้ผู้ประกอบการสนใจสามารถจะประมูลใบอนุญาตไม่เกิน 4 ใบ เพื่อจะได้มีการประมูลแข่งกันเต็มที่ เพราะยิ่งมีผู้ประมูลแข่งกันมาก รัฐยิ่งจะมีรายได้จากการประมูลมาก
แต่มาระยะหลัง ท่าทีของรองประธาน กสทช. ซึ่งเป็นประธาน คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้เปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้าม มีแนวคิดให้ผู้ประกอบการแต่ละรายประมูลได้ใบอนุญาตรายละไม่เกิน 3 ใบอนุญาต หรือไม่เกิน 15 MHz บ้านเราผู้ประกอบการให้บริการโทรศัพท์มือถือมีอยู่แค่ 3 ค่าย
ใบอนุญาตมีอยู่ 9 ใบ กำหนดให้แต่ละรายได้ไม่เกิน 3 ใบ ไม่ต่างอะไรกับ กสทช. ทำตัวเป็นผู้จัดฮั้ว ล็อกสเปกให้บริษัทมือถือได้ใบอนุญาตไปเจ้าละ 3 ใบเท่ากัน กำหนดเงื่อนไขอย่างนี้ การเปิดประมูลเลยกลายเป็นเรื่องตลกระดับชาติทันที เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะจัดประมูลแข่งให้เสียเวลา และเสียเงินค่าโฆษณากระต่ายเต่า 3 จี วิ่งแข่งขัน ที่ไม่รู้ว่าจะจ่ายค่าเวลาโฆษณานาทีละหลายแสนให้ชาวบ้านดูทำไม ในเมื่อชาวบ้านไม่ได้เข้าร่วมประมูล แถมบริษัทที่เข้าร่วมประมูลมีล็อกสเปกจัดฮั้วได้เท่ากัน แล้วจะโฆษณาผลาญเงินไปเพื่ออะไร
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) มองว่า ถ้าการประมูลมีการล็อกสเปกจัดฮั้วอย่างนี้ สิ่งที่ตามมานั้นก็คือ การประมูลแข่งขันจะไม่เกิด...การประมูลที่คิดว่ารัฐจะได้เงินมาก จะทำให้รัฐได้เงินน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่แค่นั้นยังไม่พอ การตั้งราคาประมูล กสทช.ยังได้ตั้งราคาเริ่มต้นประมูลไว้ต่ำมาก อยู่ที่ใบละ 4,500 ล้านบาท ราคานี้เอามาจากไหนก็ไม่รู้ เพราะราคาที่ กสทช.ได้ว่าจ้างให้ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการศึกษา พบว่า ราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ 6,440 ล้านบาท ต่างกันเกือบ 2,000 ล้านบาท
ถ้ายังยืนยันจะเปิดประมูลในราคา 4,500 ล้านบาท เท่ากับว่า กสทช. กำลังจะเอาสินค้าราคาแพงไปเซ็งลี้ล้างสต๊อกขายในราคาถูกๆ ลดกระหน่ำถึง 30% และแทนที่รัฐจะได้เงินจากการประมูลอย่างน้อย 57,960 ล้านบาท รายได้ก็จะหดหายไป 17,460 ล้านบาททีเดียว แม้จะอ้างว่า 4,500 ล้านบาท เป็นราคาเริ่มต้น ประมูลไปราคาจะเพิ่มสูงขึ้นมาเอง เป็นไปไม่ได้เลย เพราะมีการวางสเปกจัดฮั้วให้เท่ากัน
ผู้ประกอบการจะแข่งกันประมูลเพื่อให้ตัวเองต้องจ่ายเงินมากขึ้นไปเพื่ออะไร เมื่อประมูลแข่งยังไง ได้สินค้าเหมือนกันเท่ากันอยู่ดี ที่ร้ายไปกว่านั้น ราคาค่าใบอนุญาต 4,500 ล้านบาท ที่ดูว่าเหมือนว่าสูง แต่ถ้าเทียบกับรายได้มหาศาลจากธุรกิจมือถือ ต้องบอกว่า แค่นี้จิ๊บๆ...ปีเดียวคืนทุนแล้ว เพราะค่าสัมปทานที่ 3 ค่ายมือถือจ่ายให้รัฐแต่ละปีในปัจจุบันน้อยซะเมื่อไร...ปีที่แล้ว จ่ายรวมกันเป็นเงินสูงถึง 4.8 หมื่นล้านบาท ได้ใบอนุญาต 3 จีมาอยู่ในมือ จัดการโอนลูกค้า 2 จี ที่ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้มาเข้า 3 จี...เพียงแค่นี้บริษัทมือถือไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานหลายหมื่นล้านอีกต่อไป ลงทุนแค่ปีเดียวก็คืนทุน...นี่หรือที่บอกว่าแพง
ส่วนเหตุผลสำคัญที่ กสทช.ยกมาอ้างในการกำหนดกติกาให้ผู้ประกอบการประมูลได้ไม่เกิน 3 ใบอนุญาต และตั้งราคาเริ่มต้น ประเมินไว้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เพราะถ้าปล่อยให้การประมูลแข่งขันราคาสูงเกินไป ในที่สุดผู้ประกอบการจะผลักภาระให้กับผู้บริโภค...ราคาประเมินแพง ผู้ประกอบการจะคิดราคาบริการจากผู้บริโภคแพง
ฟังเผินๆ เคลิ้มตามเหมือนจะเป็นจริง แต่ประธานทีดีอาร์ไอ บอกว่า...เป็นเพียงข้ออ้างทำเพื่อประชาชน แต่จริงๆแล้วหมกเม็ดอุ้มชูนายทุนมือถือ
ค่าบริการมือถือจะแพงไม่แพง ไม่เกี่ยวกับการประมูลใบอนุญาต หากแต่ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดว่า ทางการปล่อยให้มีการแข่งขันเสรี มีผู้ประกอบการหลายเจ้าหรือเปล่า ยังจำได้ไหม เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ครั้งประเทศไทยมีการให้บริการโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งแรก...โดยเอไอเอส ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของผูกขาดอยู่เจ้าเดียว แล้วเป็นยังไง
คนจนไม่มีสิทธิมีมือถือกับเขาหรอก เพราะแค่ค่าตัวเครื่องโทรศัพท์ก็ล่อไปเกือบแสนแล้ว แถมค่าบริการรายเดือน เดือนละเป็นพันบาท และค่าเวลาโทรศัพท์นาทีละหลายบาทแต่ตอนหลังมีเจ้าอื่นมาแข่งขันเพิ่ม ค่าโทรศัพท์ถูกลงพรวดพราด เงินไม่ถึงพันซื้อมือถือได้แล้ว...แถมค่าบริการรายเดือนเกือบพัน ลดมาจนทุกวันนี้ แบบเติมเงินไม่มีรายเดือนแม้แต่บาทเดียว
ถ้าแน่ใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง กสทช.ออกกฎกติกาให้มีผู้ประกอบการเกิดขึ้นหลายรายสิ...ค่าบริการ 3 จี จะถูกกว่า 2 จี ได้ไม่ยาก.
http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/296618