Tigger Sound
ห้องสมุด คลังความรู้ต่างๆ ในแวดวงเครื่องเสียง
=> ห้องสมุด ทิกเกอร์ซาวด์ เครื่องเสียง ตู้ลำโพง ระบบเสียง แสงสี และอุปกรณ์อื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: ศาลาวัด ★★★ ที่ กรกฎาคม 26, 2010, 01:20:17 pm
-
ที่ 8 โอห์ม = ????
ที่ 4 โอห์ม = ????
ที่ 2 โอห์ม = ????
smileyy smileyy
-
โอห์มคือความต้านทานเท่าที่ฟังมาและใช้มา 4 โอห์มเสียงดีสุดคับ (ส่วนตัวนะคับ)
-
ผมว่ามันน่าจะอยู่ที่เสปคของpower amp มั้งครับ
-
โอห์มคือความต้านทานเท่าที่ฟังมาและใช้มา 4 โอห์มเสียงดีสุดคับ (ส่วนตัวนะคับ)
+1 ครับ แต่ถ้ามากกว่านี้มันจะโหลดพาวเวอร์มากไปอ่าครับ แต่ถ้าพาวเวอร์ดีๆๆหน่อยรับแรงโหลดที่โอมต่ำๆได้ก็จะได้กำลังของพาวเวอร์มากอ่าครับ แต่ 4 โอม ผมว่าดีที่สุดครับ ไม่โหลดมากไปอัดได้นานๆๆครับ
[ความคิดเห็นส่วนตัวครับ]
-
ไม่เกี่ยงเรื่องกำลังแอมผมเลือก 8 โอห์ม (ส่วนตัว) ดูที่ค่าแดมปิ้งเฟคเตอร์ด้วย
-
ถ้า 8 โอห์ม เพาเวอร์จะทำงานแบบสบายๆๆเสียงที่ได้ไม่มีความเพี้ยน สะอาดชัดเจนดีแต่ความดังจะสู้ 4 โอห์มและ 2 โอห์ม ไม่ได้ในระดับทีเปิดเท่ากัน ซึ่ง8 โอห์ม ถ้าใช้ในงาน PA จะทำให้เปลืองเพาเวอร์มากแต่ถ้าทำได้เสียงออกมาสุดยอดครับ
ถ้า 4 โอห์ม ถือว่าไม่มากไม่น้อยจนเกินไปกำลังดี เพาเวอร์ก็ทำงานไม่หนัก ความดังที่ได้กำลังดี เหมาะสำหรับงาน PA เสียงที่ได้ก็โอเคครับ ไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องและดอกครับ
ถ้า 2 โอห์ม เพาเวอร์จะทำงานหนักและก็ร้อน ถ้าเร่งเสียงมากจะเกิดความเพี้ยนสูง ดอกลำโพงสะบัดแรง แต่เสียงที่ได้ดังกว่าการต่อแบบ 4 โอห์ม และ 8 โอห์มมาก ในระดับที่เปิดเครื่องเท่ากัน แต่อันตรายต่อเครื่องและดอกครับ ถ้าใช้ระยะยาว
ขอตอบแบบภาษาลูกทุ่งๆนะครับเพราะได้จากประสบการณ์ของตัวเองผิดถูกอย่างไรขออภัยครับ
-
ถ้า 8 โอห์ม เพาเวอร์จะทำงานแบบสบายๆๆเสียงที่ได้ไม่มีความเพี้ยน สะอาดชัดเจนดีแต่ความดังจะสู้ 4 โอห์มและ 2 โอห์ม ไม่ได้ในระดับทีเปิดเท่ากัน ซึ่ง8 โอห์ม ถ้าใช้ในงาน PA จะทำให้เปลืองเพาเวอร์มากแต่ถ้าทำได้เสียงออกมาสุดยอดครับ
ถ้า 4 โอห์ม ถือว่าไม่มากไม่น้อยจนเกินไปกำลังดี เพาเวอร์ก็ทำงานไม่หนัก ความดังที่ได้กำลังดี เหมาะสำหรับงาน PA เสียงที่ได้ก็โอเคครับ ไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องและดอกครับ
ถ้า 2 โอห์ม เพาเวอร์จะทำงานหนักและก็ร้อน ถ้าเร่งเสียงมากจะเกิดความเพี้ยนสูง ดอกลำโพงสะบัดแรง แต่เสียงที่ได้ดังกว่าการต่อแบบ 4 โอห์ม และ 8 โอห์มมาก ในระดับที่เปิดเครื่องเท่ากัน แต่อันตรายต่อเครื่องและดอกครับ ถ้าใช้ระยะยาว
ขอตอบแบบภาษาลูกทุ่งๆนะครับเพราะได้จากประสบการณ์ของตัวเองผิดถูกอย่างไรขออภัยครับ
สุดยอดเลยครับ แบบลูกทุ่งสุดยอดจริงๆครับ ผมจะขอเสริมทางเทคนิคนิดหน่อยนะครับ ผลลัพของโอมที่ออกมานั่นคือค่าความต้านทานของคอยลำโพงครับ ที่เราจะนำไปต่อกับเครื่องขยายเสียงครับ ว่าเวลาเราขนานลำโพง8โอม2ตัวแล้วจะได้เท่ากับ4โอม
ส่วนโอมที่บอกอยู่ที่คุณสมบัติของแอมป์ ก้คือค่าพลังงานที่เครื่องขยายมีผลกับความต้านทานของลำโพงครับ จะมีสูตรการคิดอยู่ครับ loveit loveit ลืมหมดแล้วครับ ว่างจะหากระทู้ที่เคยตอบๆไปมาลงให้นะครับ
-
ขอบคุณครับ ถามต่อนะครับ
แล้วถ้าเป็นดอกลำโพง 8 โอห์ม กับลำโพง 4 โอห์ม เปิดที่ความดังเท่ากันใช้เพาเวอร์ตัวเดียวกัน จำนวนดอกเท่ากัน คุณภาพเสียงที่ดังออกมาแตกต่างกันอย่างไรครับ
-
ขอบคุณครับ ถามต่อนะครับ
แล้วถ้าเป็นดอกลำโพง 8 โอห์ม กับลำโพง 4 โอห์ม เปิดที่ความดังเท่ากันใช้เพาเวอร์ตัวเดียวกัน จำนวนดอกเท่ากัน คุณภาพเสียงที่ดังออกมาแตกต่างกันอย่างไรครับ
ดอกลำโพงที่เป็น 4 โอห์มดังกว่าครับ ส่วนเสียงถ้าฟังแบบไม่คิดอะไรมากแทบฟังไม่ออกครับ แต่ถ้าฟังกันจริงๆ8โอห์มเสียงออกมาลึกกว่าและนุ่มนวลกว่าครับ
-
ขอเสริมครับ ...ค่าโอมห์สูง กระแสไหลผ่านได้น้อย ....ค่าโอมห์ต่ำ กระแสไหลผ่านได้มาก ซึ่งพาวเวอร์แอมป์ เมื่อมีอัตราการขยายที่สูง ค่าความผิดพลาด(เพี้ยน)ก็จะมีมากขึ้นตามไป(ผันตรง) ซึ่งในระบบเสียงบ้านเรานิยมโหลดกันที่ 4 โอมห์ ดูจะลงตัวที่สุดครับ อยู่กลางๆ ไม่สูงไม่ต่ำ ปลอดภัยทั้งพาวเวอร์และดอกลำโพง.... เรื่องเสียงมีผลอยู่แล้วครับ โหลดที่8โอมห์ เสียงที่ได้ จะฟังแล้ว.ผิดพลาด(เพี้ยน) น้อยมาก แต่ก็เปลืองทรัพยากรครับ แอม1แท่น ขับลำโพง ข้างละ1ดอก(ดอกละ8โอมห์) ไม่คุ้มคับการใช้งานครับ ส่วนตัวผมเลือก4โอมห์คร้าบบบ........ loveit smileyy kisss
-
4 โอม แน่นอนครับ อย่างที่หลายสำนักออกมาฟันธง แน่น ตึบๆ ตับๆ ตึกๆ .............. smileyy smileyy smileyy
-
เลือก 4 โอห์ม ครับ ประหยัดแอมป์และอุปกรณ์ น้ำเสียงที่ได้ลงลึกกว่า 8 ครับ
-
ขอบคุณทุกๆคำตอบครับ รู้อะไรๆเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ smileyy
-
เข้ามารับความรู้ครับ.. smileyy
-
ถ้าในทางอุดมคติแล้ว ไม่ว่าจะ 8,4 หรือ 2 โอห์ม เสียงที่ได้ต้องเหมือนกันครับ แต่ความเป็นจริงแล้วเมื่อค่าความต้านทางของลำโพงลดลง มันจะทำให้กระแสไหลมากขึ้น ตอนนี้เราต้องมาดูที่ Power Amp ว่าสามารถตอบสนองการไหลของกระแสสูงๆได้หรือเปล่า ถ้า Power Amp ที่ออกแบบมาไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ขับกระแสสูงๆได้ อันนี้เวลาใช้ โอห์มต่ำๆจะเกิดการจ่ายกระแสไม่ได้หรือจ่ายไม่ทันส่งผลให้ทำงานหนัก แล้วเกิดความร้อน ถ้ามีวงจร Limit ก็ป้องกันความเสียหายได้ แต่ถ้าไม่มีก็ตัวใครตัวมัน แต่ถ้า Power Amp ที่ออกแบบมาให้รองรับการขับกระแสสูงๆแล้วปัญหาพวกนี้จะไม่เกิด เราใช้ได้สบายๆ อันนี้ต้องดู Spec ของทางผู้ผลิตว่าเขาออกแบบมาใช้งานแบบไหนครับ จริงๆแล้วเรื่องพวกนี้สำคัญมากเพราะทางผู้ผลิตจะต้องบอกมาในรายละเอียดของเครื่อง เราจึงจำเป็นต้องศึกษาเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อครับ หวังว่าคงได้ความรู้บ้างนะครับ
-
4 โอห์ม ครับ ไม่หนักเครื่องมากไป เสียงก็ดีด้วย
-
(http://image.ohozaa.com/ii/thdn_vs_feq.gif)
โอห์มต่ำ THD+N จะเยอะขึ้นเมื่อ Frequency สูงขึ้นครับ
โอห์มต่ำ Power จะมากขึ้นเมื่อแหล่งจ่ายแรงดันเท่าเดิม
-
ขอแจมด้วยคนนะครับ ส่วนของผมนี่ โหลดเหลือ 2 โอห์มตลอดแทบจะทุกงาน ก็ใช้งานได้มาตลอดครับ ยังไม่เคยซ่อม เคยเสีย จับแอมป์ดูก็รู้สึกอุ่นๆหรือร้อนนิดหน่อยเอง เปิดตั้งแต่ตีห้าจนถึงห้าโมงเย็น พักสามสิบนาที เปิดต่ออีกจนสว่างครับ บางงานนะ บางงานแค่ตีสอง(งานเครื่องไฟ) เช่นงานกฐินอ่ะ เปิดเพลง พิธีกรพูด พระสวดและอีกหลายอย่างที่ทางเจ้าภาพต้องการใช้เสียงอ่ะครับ
-
ขอแจมด้วยคนนะครับ ส่วนของผมนี่ โหลดเหลือ 2 โอห์มตลอดแทบจะทุกงาน ก็ใช้งานได้มาตลอดครับ ยังไม่เคยซ่อม เคยเสีย จับแอมป์ดูก็รู้สึกอุ่นๆหรือร้อนนิดหน่อยเอง เปิดตั้งแต่ตีห้าจนถึงห้าโมงเย็น พักสามสิบนาที เปิดต่ออีกจนสว่างครับ บางงานนะ บางงานแค่ตีสอง(งานเครื่องไฟ) เช่นงานกฐินอ่ะ เปิดเพลง พิธีกรพูด พระสวดและอีกหลายอย่างที่ทางเจ้าภาพต้องการใช้เสียงอ่ะครับ
ต่อเกิน spec เครื่อง มันก็ไม่พังครับ
ถ้าเปิดเป็น รู้จักกำลังเครื่อง รู้จักประมาณ
แต่ก็เสี่ยงเวลาที่มีสัญญาณที่เกิดจากเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจ
อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้เหมือนกัน
ผมก็เคยนะ เมื่อก่อนออกงานลงแอมข้างละ 2 ตัว
ตัวแรก FET1000A ขับ 1844 18" 6 ดอกขนานหมด
อีกตัวแอมป์ประกอบ ไฟ +/- 70V นิดๆ กลาง Euro15"x6 ขนานหมด+แหลม P888x6 ขนานหมด
ก็ยังรอดมาไม่รู้กี่งานละ แต่เรื่องร้อนจังครับ ^_^
-
2 โอม ใครๆๆๆก้ออยากเล่นคับ แต่ส่วนใหญ่เพาเวอไม่ถึงกัน เล่ยไม่ค่อยกล้าเล่น
ตอนนี้ผมเล่น2 โอมอยู่ เพาเวอที่ใช้สบาย เปิดจนเช้า เครื่องยังเย็นเจียบ..เหมือนไม่ใด้เปิด
ส่วนดอกลำโพง อุ่นๆๆ ไม่ร้อนมาก
อย่างที่หลายท่านว่า
ต่อตรงspecมันไม่พังหลอก
ของผมเล่นมานานละ ไม่เคยซ่อมหรือเปลี่ยนดอกสักที
ส่วนตัวนะ
-
ส่วนมากที่ต่อกันแบบขนานหลายดอกเพราะความไม่เข้าใจ
จากนั้นมาก็ต่ออนุกรม2ดอก ข้างละ4 แต่เสียงก็ไม่ดีเท่าไหร่
เพราะแอมป์ ยังไม่พอ แต่เดี่ยวนี้ แอมป์เหลือ ตู้ก็เหลือ
คือบางท่านบอกว่ามันเปลืองแอมป์ แต่ผมว่าถ้าจะเล่นจริงๆ
มันก็ต้องถึง เสียงจึงจะได้ ทั้งลำโพง ทั้งแอป์
-
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
-
มีแต่ความรู้ทั้งนั้น
-
ขอแจม ส่วนผม จะดูที่ spec เครื่องว่าสามารถขับโหลดได้กีโอมห์
ที่ 8 โอมห์ ลำโพงดอกเดียว
ที่ 4 โอมห์ ลำโพง 2ดอก ( ต่อแบบขนาน )
ที่ 2 โอมห์ ลำโพง 4ดอก ( ต่อแบบขนาน )
ที่ 1 โอมห์ ลำโพง 8ดอก ( ต่อแบบขนาน )
1.ถ้าเครื่องที่สามารถโหลดได้ที่ต่ำสุด 1-2 โอมห์ ราคาเครื่องอาจจะแพงมาก ส่วนตัวผมนะถ้าต่อโหลดที่ 1หรือ2โอมห์ ทำให้พลังเสียงออกมาหนักแน่น ตับแตก จุอก ทั้งที่ดอกลำโพงไม่ค่อยกระโดดเลย ถ้าฟังอยู่หน้าตู้นานอาจต้องส่งโรงบาล อิ..อิ...เหมาะกับงานกลางแจ้งขนานใหญ่ พื้นที่ต้องหางจากบ้านพอสมควร ถ้าใกล้มาก กระจก, โองมังกรที่มีน้ำ จะแตกได้
2. ที่ 4 โอมห์ คุณภาพเสียงดี ปรับแต่งง่าย มิติเสียงครบ ลำโพงจะกระโดดมากกว่า 1 หรือ 2 โอมห์ แต่อยู่ในระดับกลาง เหมาะสำหรับงานทั่วไป
3. ที่ 8 โอมห์ คุณภาพเสียงดี นุ่ม ลึก ดอกลำโพงจะกระโดมากกว่าเพื่อน มีข้อเสียคือเปลืองงบในการซื้อแอมป์โดยไม่จำเป็น
อีกอย่างก็ดูลักษณะการใช้งานด้วยครับ ในแต่ละพื้นที่
-
น้องพิศาล ข้างบนผมชัดเจน แน่ๆ ผมไม่มีความรู้เรื่องช่างเท่าไหร่พองูๆปลาๆ แต่ว่าต่อลำโพง ข้างละ 4 ดอกอยู่ที่ 2โอมห์ ผมต่ออย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วครับ งานคอนเสริต์ งานวัด งาน สป๊ะงาน ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย พอตอนหลังหาแอมป์มาเพิ่ม เลยต่อแค่ 2ดอกต่อข้างอยู่ที่ 4โอมห์ และขอถามต่อ ถ้าเป็นแอมป์มอสเฟตรุ่งเก่าๆ ที่เป็นโมโน ควรจะต่อลำโพงข้างละกี่ใบ ทั้ง กลางและเบท (npe รุ่นfet 550)ผมต่อซับ 18 โครงหล่อw สั่นสะเทีอนท้องทุ่งนา ป่าเขา บางทีลำโพงกับบ้านเก่าก่อนเวลาอันควรข้างละ 2ดอกนะ
-
น้องพิศาล ข้างบนผมชัดเจน แน่ๆ ผมไม่มีความรู้เรื่องช่างเท่าไหร่พองูๆปลาๆ แต่ว่าต่อลำโพง ข้างละ 4 ดอกอยู่ที่ 2โอมห์ ผมต่ออย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วครับ งานคอนเสริต์ งานวัด งาน สป๊ะงาน ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย พอตอนหลังหาแอมป์มาเพิ่ม เลยต่อแค่ 2ดอกต่อข้างอยู่ที่ 4โอมห์ และขอถามต่อ ถ้าเป็นแอมป์มอสเฟตรุ่งเก่าๆ ที่เป็นโมโน ควรจะต่อลำโพงข้างละกี่ใบ ทั้ง กลางและเบท (npe รุ่นfet 550)ผมต่อซับ 18 โครงหล่อw สั่นสะเทีอนท้องทุ่งนา ป่าเขา บางทีลำโพงกับบ้านเก่าก่อนเวลาอันควรข้างละ 2ดอกนะ
ถ้าเป็นแอมป์มอสเฟตที่เป็นโมโน 4 ดอก ก็พอดีครับ มอสเฟตจะตอบสนองความถีสูงได้ดีเหมาะกับเสียงกลาง แหลม ( แล้วแต่คนชอบนะครับ ) มอสเฟตจะให้พลังเสียงที่หนักหน่วง
ที่พี่ว่าลำโพงกลับบ้านเก่านะ ขึ้นอยู่ที่มือพี่แล้วละ เพราะว่าถ้าป้อนสัญญาณเสียงมากเกินไปที่ลำโพงรับได้ จึงทำให้เกิดการ
คลิป โดยเกินความต้านทานของลำโพง ผลที่ได้เสียงจะเพี้ยน ยกตัวอย่างเช่น แก้วน้ำ 1ลิตร ทำอย่างไรเติมน้ำให้เต็มแก้วพอดี ไม่ให้น้ำล้นออกมา ในทางเดียวกัน ป้อนสัญญาณเสียงปริมาณเท่าไรจึงพอดีกับความด้านทานของลำโพงที่รับได้สูงสุด
-
ความต้านทานมีหน่วยเป็นโอห์ม เลขมากความต้านทานมาก เลขน้อยความต้านทานน้อย ความต้านทานก็เปรียบเสมือน....ท่อน้ำครับ ท่อใหญ่ขึ้น (ค่าความต้านทานน้อยลง) น้ำก็ไหลได้มาก ท่อน้อย (ความต้านทานมากขึ้น) น้ำก็ไหลได้น้อยก็เท่านั้นเอง อุปกรณ์อิเล็กทรนอิกส์เราก็มีความต้านทานทั้งนั้นแหละครับ อยู่ที่ว่าจะมากจะน้อย สายไฟ สายสัญญาณก็เหมือนกัน ยิ่งยาวค่าความต้านทานยิ่งเพิ่มขึ้น ลำโพงก็เหมือนกัน ค่าน้อยก็ดังแรงกว่าค่ามาก อิๆ sinister
-
ขอถามอีกสักนิด ถ้าต่อแบบขนาน ลำโพง 3ดอก กี่โอม อยากรู้จริงๆ
-
กระผมทั้งชุดเลยจะเหลือแค่ 2 โอห์มตลอดเลย ผมคิดว่าเอาเท่าที่กำลังเราทำได้ครับ ไม่นำหรือ ไม่ตามคนอื่นทุกอย่างครับผม
-
ถ้าเปิดเพลงอย่างเดียวต่อ 2โอห์มคงจะไม่มีปัญหา ถ้าเล่นดนตรีสดมีแน่ครับเพราะจะอัดเยอะ ทำให้แอมส์ร้อนและเสียงจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมว่า4โอห์มดีที่สุด
-
ถ้าเสียงกลางควรต่อที่กี่โอห์มคับ
-
ผมว่า ทุกอย่างลงตัวที่ 4 โอห์มครับ
-
ขอถามอีกสักนิด ถ้าต่อแบบขนาน ลำโพง 3ดอก กี่โอม อยากรู้จริงๆ
ประมาณ 2.66 โอห์ม ครับ
-
ตกลงว่า อยู่ที่ 4 โอม
-
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ และคุณไชยา เวีบงสงค์ ที่ให้ความกระจ่าง
-
มีผลต่อ watt ของเพาเวอร์แอมป์ครับ
-
การต่อลำโพงกับเครื่องขยายเสียงมีอยู่ 3 วิธี คือ การต่อลำโพงแบบ
อิมพีแดนซ์ต่ำ (Low Impedance Feed) การต่อลำโพงแบบอิมพีแดนซ์สูง (High
Impedance Feed) และการต่อลำโพงแบบแรงดันคงที่ (Constant Voltage Sound
Distribution)
การต่อลำโพงกับเครื่องขยายเสียงแบบอิมพีแดนซ์ต่ำ การต่อลำโพง
ลักษณะนี้นับว่าง่าย ที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นการต่อแบบอนุกรม ต่อแบบขนานและต่อแบบ
ผสมก็ตาม ซึ่งค่าอิมพีแดนซ์รวมจะต้องมีค่าเท่ากับเอาท์พุท (Out Put) ของเครื่องขยาย
เช่น 4, 8 และ 16 แต่วิธีการต่อลำโพงแบบอิมพีแดนซ์ต่ำนี้มีข้อจำกัดในเรื่องความยาว
ของสายที่ใช้ต่อลำโพง เพราะจะเกิดกำลังสูญเสียไปในสายเพราะสายยิ่งยาวความต้านทาน
ภายในสายยิ่งมีมากขึ้น การต่อลำโพงแบบอิมพีแดนซ์ต่ำจึงไม่ควรที่จะใช้สายลำโพงยาว
เกิน 50 เมตร
การต่อลำโพงกับเครื่องขยายเสียงแบบอิมพีแดนซ์สูง เนื่องจากการต่อ
ลำโพงกับเครื่องขยายเสียงแบบอิมพีแดนซ์ต่ำมีขีดจำกัดในเรื่องระยะห่างระหว่างลำโพง
กับเครื่องขยายเสียง ถ้าจะให้ระยะห่างระหว่างลำโพงกับเครื่องขยายเสียงมากขึ้น จะต้อง
ใช้ภาคเอาท์พุทของเครื่องขยายเสียงที่มีอิมพีแดนซ์สูงประมาณ 100-600 ซึ่งของเครื่อง
ขยายเสียงมักจะแท๊ปค่าเป็น 250 และ 500 การจะต่อลำโพงโดยตรงจึงทำไม่ได้ ซึ่งจะต้อง
ใช้แมทซิ่งทรานสฟอร์เมอร์ โดยให้ทางด้านไพมารี่ มีจำนวนอิมพีแดนซ์เท่ากับเอาท์พุทของ
เครื่อง และทางด้าน เซกันดารี่ มีจำนวนอิมพีแดนซ์เท่ากับลำโพง
ลำโพงที่มีกำลังวัตต์เท่ากันต่อแบบขนาน
ลำโพงที่มีกำลังเท่ากันต่อแบบขนานและอันดับ การต่อแบบนี้
มักใช้ในกรณีที่ขาดแคลนอุปกรณ์บางอย่าง
ลำโพงที่มีกำลังต่างกันต่อแบบขนานและอันดับ การนำลำโพง
ที่มีค่ากำลังต่างกันมาต่อเข้ากับวงจรที่มีเอาท์พุทอิมพีแดนซ์สูง จะต้องใช้อิมพีแดนซ์
ของแมทซิ่งทรานสฟอร์เมอร์ที่มีค่าทางด้านไพมารี่ต่างกันด้วย
ในกรณีที่ขาดแคลนอุปกรณ์ เช่น แมทซิ่งทรานสฟอร์เมอร์มีไม่ครบ และ
จำเป็นจะต้องใช้งานสามารถทำได้โดยใช้ตัวต้านทาน (Resistor) เข้าช่วย แต่เป็นการ
สิ้นเปลืองกำลังโดยใช่เหตุ ถ้าไม่จำเป็นจริงไม่ควรจะนำมาใช้ ตัวต้านทานใช้ค่าเท่ากับ
อิมพีแดนซ์ของตัวแมทซิ่งทรานฟอร์เมอร์ที่มันแทน
จากการต่อลำโพงโดยใช้การต่อแบบอิมพีแดนซ์สูง จะทำให้สามารถต่อ
ลำโพงได้ในระยะไกลๆ จากเครื่องได้มาก แต่อย่างไรก็ตามถ้าระยะห่างมากๆ ย่อม
เกิดการสูญเสียในสายมาขึ้นแน่นอน วิธีแก้ควรใช้สายขนาดโตขึ้นกว่าเดิม
การต่อลำโพงกับเครื่องขยายเสียงแบบแรงดันคงที่ จากการต่อลำโพง
ทั้งชนิดอิมพีแดนซ์ต่ำและสูง จะพบปัญหาอยู่ประการหนึ่งคือ การที่จะจัดให้จำนวนลำโพง
หรือแมทชิ่งทรานสฟอร์เมอร์ให้มีค่ามพีแดนซ์เท่ากับเอาท์พุทของเครื่องขยายเสียง บาง
ครั้งทำได้ยาก เนื่องจากลำโพงไม่พอ หรือจำนวนแมทชิ่งทรานสฟอร์เมอร์มีไม่พอ เครื่อง
ขยายบางแบบได้ผลิตขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา ดังกล่าวนี้โดยกำหนดขั้วเอาท์พุทเป็นแรงดัน
คงที่ของเครื่องขยายที่จะขับออกมา และจะมีค่าคงที่ (หรือเกือบคงที่) ตลอดเวลา
ถ้าต้องการปรับระดับความดังของลำโพง เพื่อความเหมาะสมในการฟัง
โดยการปรับค่าของอิมพีแดนซ์ของขดไพมารี่ของแมทชิ่งทรานสฟอร์เมอร์ คือถ้ามี
อิมพีแดนซ์เพิ่มขึ้นจะทำให้กำลังออกลดน้อยลง ดังนั้นจึงใช้แมทชิ่งทรานสฟอร์เมอร์
ที่มีอิมพีแดนซ์เลือกได้หลายขั้ว
นอกจากจะใช้วิธีเปลี่ยนอิมพีแดนซ์ทางด้านไพมารี่ เพื่อปรับระดับความดัง
แล้ว ยังสามารถใช้วิธีเปลี่ยนอิมพีแดนซ์ทางด้านเซคันดารี่ของแมทชิ่งทรานสฟอร์เมอร์
ซึ่งวิธีนี้ไม่จำเป็นต้องให้อิมพีแดนซ์เท่ากับของลำโพง
การปรับความดังโดยปรับทางขดเซคันดารี่นี้ จะมีลักษณะตรงกันข้ามกับ
การปรับทางขดไพมารี่ นั่นคือ ถ้าปรับทางขดเซคันดารี่ให้มีค่าอิมพีแดนซ์สูงขึ้น จะทำให้
ระดับความดังสูงขึ้นด้วย
หรืออาจใช้ตัวต้านทาน (Resistor) แบบปรับค่าได้ซึ่งเรียกว่า Variable
Resistor นำมาต่อแบบตัวที (T-pad)
ไม่ค่อยมีความรู้เท่ารัยครับรู้เท่าที่รู้นะครับจากประสบการณ์ที่เคยพบมาน้อยๆครับผิดต้องขออภัยด้วยครับ
-
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณทุกท่านสำหรับความรู้นะครับบบ
-
ผมเคยแต่ 4 โอห์ม ไม่เคยลองต่ำกว่านี้เลยครับ กลัวพังครับ sinister
-
ก่อนจะต่อให้เป็น 8 /4 /2 โอห์ม ในชั้นแรกเรามาดูที่สเปกของขยายเสียก่อนว่ามันไปไหวหรือเปล่า มันออกแบบมาให้รับโหลดที่อิมพีแด้นต่ำๆได้หรือเปล่า บางทีมันรับได้ แต่เราต้องดูว่ากำลังของเครื่องขยายเสียงมันเพียงพอกับลำโพงหรือเปล่าถ้ากำลังมันไม่พอมันก็ไม่ดังเท่ามี่ต้องการแต่มันไม่พังครับ แต่ถ้าเร่งมากเข้า อัดแรงเข้า เดี๋ยวก็
คลิป เพี้ยน ว้อยลำโพงร้อน เดี๋ยวก็พัง โหลดต่ำๆดูที่สเปกเครื่องและกำลังที่มันเฉลี่ยกับลำโพงว่าสมดุลย์กันหรือเปล่า ผมโหลด 2 โอห์ม ใช้ ชาเลนเจอร์ 650 4 ดอก ขยายใช้ K4 ขับ มันสมดุลย์กัน ออกงาน ต่อเนื่อง 3วันหนักๆไม่พังครับ อ้อ ลืมไปดูกระแสไฟฟ้าที่ต่อด้วยว่าพอหรือเปล่า โหลดต่ำๆ กำลังขยายเสียงไม่พอ ไม่นานครับพังแน่นอน
-
ผมคิดว่าจะเหมือนเครื่องเสียงรถยนต์ครับ
รถยนต์4โอม เสียงดีรายละเอียดดี แต่อัดยาวๆแบบทั้งวันคงไม่ไหว
เครื่องเสียงบ้าน8โอม เสียงดังแต่รายละเอียดคงไม่ดีเท่า4โอม แต่อัดแรงๆใช้งานเป็นเวลานานๆได้สบาย
-
ขอดถามพี่ๆสักหน่อย หน่อยคับ
ตอนนี้ผมใช้พาเวอร์ Royal L2400 ลงที่ 2 โอห์ม ข้างหนึ่งขับดอก IMF 4 ดอกสะบายคับ แต่ข้างหนึ่งใช้ขับเสียงกลาง 8 ดอกใช้ดอกของ P-audio 8 โอห์มดอกละ 150 วัตว์ธรรมดา
"ขอถามว่าข้างที่ผมใช้ขับเสียงกลาง 8 ดอก นี้จะมีปัญหาไหมคับ"
ขอความรู้จากประรัมจารย์ทุกท่านด้วยคับ frusty frusty
-
ขอดถามพี่ๆสักหน่อย หน่อยคับ
ตอนนี้ผมใช้พาเวอร์ Royal L2400 ลงที่ 2 โอห์ม ข้างหนึ่งขับดอก IMF 4 ดอกสะบายคับ แต่ข้างหนึ่งใช้ขับเสียงกลาง 8 ดอกใช้ดอกของ P-audio 8 โอห์มดอกละ 150 วัตว์ธรรมดา
"ขอถามว่าข้างที่ผมใช้ขับเสียงกลาง 8 ดอก นี้จะมีปัญหาไหมคับ"
ขอความรู้จากประรัมจารย์ทุกท่านด้วยคับ frusty frusty
แล้วปกติที่ใช้ต่อลำโพงแบบไหนครับ อนุกรมหรือขนานครับ เป็นตู้ดอกคู่หรือเดี่ยครับ
-
ต่อแบบขนานคับ และเป็นดอกคู่คับ หรือ 1 ตู้มี 2 ดอกคับ
-
ได้ความรู้มากมายครับ ขอบคุณมากครับ
-
ต่อแบบขนานคับ และเป็นดอกคู่คับ หรือ 1 ตู้มี 2 ดอกคับ
แสดงว่าแอมป์ที่ใช้ ตัวเดียวใช่ไหมครับ ข้างหนึ่งต่อ เบสอย่างเดียว อีกข้างต่อกลางอย่างเดียวใช่ไหมครับ
ถ้าตู้ลำโพงเสียงกลางขนานกันในตู้ 1 ตู้ จะได้ 4 โอห์ม(ดอกละ 8 โอห์ม) ถ้ามี 4 ตู้ รวมทั้งหมดก็ 8 ดอก มาขนานกันหมดก็จะได้ 1 โอห์ม ซึ่งมีผลต่อแอมป์ครับ ทำให้แอมป์ทำงานหนักแล้วก็ความร้อนสูงด้วยครับ แล้วยังทำให้เสียงเพี้ยนด้วยนะครับ ใช้แรกๆก็ยังไม่มีปัญหาไรหรอกครับ แต่ใช้ไปนานๆจะเริ่มมีปัญหามาครับ
คำแนะนำ
ตู้ 1 ตู้ มี 2 ดอก เดิมต่อขนานกัน จะได้ 4 โอห์ม ก็เปลี่ยนมาอนุกรมกันครับ ก็จะได้ตู้ หนึ่ง 16 โอห์มครับ(ให้ทำทั้ง 4 ใบเลยนะครับ) แล้วเชื่อมต่อแต่ละตู้ก็ต่อแบบเดิมครับ ขนานกันครับ ก็จะได้โอห์มรวม 4 โอห์มครับ
-
ขอบคุณมากนะครับท่าน (หนุ่มน้อยเมืองกระนวน) สัมหรับข้อมูล
-
ผมขอถามต่อนะครับ ว่าผมใช้พาเวอร์ Royal L2400 ข้างหนึ่งใช้โลหด 2 โอห์ม อีกข้างหนึ่งใช้โหลด 4 โอห์ม
"แล้วพาเวอร์ผมจะมีปัญหาอะไรตามมาไหมคับ"
-
ผมขอถามต่อนะครับ ว่าผมใช้พาเวอร์ Royal L2400 ข้างหนึ่งใช้โลหด 2 โอห์ม อีกข้างหนึ่งใช้โหลด 4 โอห์ม
"แล้วพาเวอร์ผมจะมีปัญหาอะไรตามมาไหมคับ"
เจ้า Royal L2400 มันมีหม้อแปลงกี่ลูกครับ ผมยังไม่เคยเห็น L2400 ครับ จริงๆผมก็ไม่ค่อยเก่งเรื่องนี้เท่าไหร่ครับ ต้องรอคนที่เป็นช่างมาตอบครับ แต่ที่ถามไปเผื่อช่วยตอบอะไรได้บ้างครับ
-
หม้อแปลงเดียวครับ
-
หม้อแปลงเดียวครับ
ต้องรอครที่เป็นช่างมาตอบครับ
-
ได้ความรู้มากมายครับขอบคุณทุกๆท่านที่นำความรู้ในตัวของท่านมาบอกเล่าเก้าสิบให้มือใหม่ มือเก่าได้เรียนรู้คร้าบ
-
ได้ความรู้มากมายครับ ขอบคุณครับ
-
4 โอม น่าจะดีมั้งครับ
-
ขอความรู้เพิ่มเติมครับ
-
4 โอม น่าจะดีมั้งครับ
+10 kisss
-
ได้ความรู้ประดับสมองอีกแล้วจ้า
-
ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ความรู้ครับ
-
ถ้าในทางอุดมคติแล้ว ไม่ว่าจะ 8,4 หรือ 2 โอห์ม เสียงที่ได้ต้องเหมือนกันครับ แต่ความเป็นจริงแล้วเมื่อค่าความต้านทางของลำโพงลดลง มันจะทำให้กระแสไหลมากขึ้น ตอนนี้เราต้องมาดูที่ Power Amp ว่าสามารถตอบสนองการไหลของกระแสสูงๆได้หรือเปล่า ถ้า Power Amp ที่ออกแบบมาไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ขับกระแสสูงๆได้ อันนี้เวลาใช้ โอห์มต่ำๆจะเกิดการจ่ายกระแสไม่ได้หรือจ่ายไม่ทันส่งผลให้ทำงานหนัก แล้วเกิดความร้อน ถ้ามีวงจร Limit ก็ป้องกันความเสียหายได้ แต่ถ้าไม่มีก็ตัวใครตัวมัน แต่ถ้า Power Amp ที่ออกแบบมาให้รองรับการขับกระแสสูงๆแล้วปัญหาพวกนี้จะไม่เกิด เราใช้ได้สบายๆ อันนี้ต้องดู Spec ของทางผู้ผลิตว่าเขาออกแบบมาใช้งานแบบไหนครับ จริงๆแล้วเรื่องพวกนี้สำคัญมากเพราะทางผู้ผลิตจะต้องบอกมาในรายละเอียดของเครื่อง เราจึงจำเป็นต้องศึกษาเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อครับ หวังว่าคงได้ความรู้บ้างนะครับ
+100
-
ได้ความรู้เยอะเลย ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับ
-
+101+กระทู้นี้ดีครับ. โอม..เพี้ยง.ขอให้ดังดัง smiley4 smiley4
-
4 OHM เล่นได้แน่นนุ่มนวล 2 OHM ก็เล่นได้แบบประหยัด เร่งมากเบลอบวมแรงเครื่องไม่ถึง
-
เพื่อเติมครับ ความคิดส่วนตัวนะครับ ถ้าเกิดการหอนบนเวทีครับ มีการวีด จากมอนิเตอร์ ถ้าเป็นตู้ก๊อบที่ใช่ p. d750 ถ้ากด eq หมดแล้วยังเกิดการวีดอยู่ หรือ network ไม่ดีพอ แนะนำ ค่าของเดิม 8 โอม เปลื่ยนเป็น 16 โอม
หรือไมค์หอนจากมอนิเตอร์ ถ้า network ที่ตู้มี R ให้ลองเพื่มค่า R ที่ network (อันนี้ยังไม่เคยลองคับ)
ในกรณีที่มีการหอนจาก pa hi หรือวีดจากเสียงแหลม อาจเกิดจาก ตู้ลำโพง pa ไกล้เวทีมากเกินไป ถ้ามีการวีดในตอนเวลาเร่งไมค์ ถ้าเป็นเสียงแหลม 2 ดอก ขนานกัน ก็จะได้ 4 โอม ให้ลอง อนุกรมให้เป็น 16 โอม เพื่อให้ค่าความต้านทานเพื่อขึ้น หรือใช่ในกรณีที่เสียงแหลมจัดมากไป ไม่มีผลต่อ power amp เท่าไร เพียงแต่เสียงที่ได้จะเบาลง
ผลอย่างไรท่านผู้รู้แนะนำด้วยครับ................................................
ถ้าต้องอัดมอนิเตอร์ ไม่ควรทำตามหรือต้องการความดังไม่แนะนำ เพราะจะมีผลต่อ power amp
แต่ถ้าเป็นการต่อกี่โอม 4 โอม ดีที่สุด เปิด power peak มันจะทำงานเติมที่ ลำโพงขาดก็มีน้อยมาก
ลำโพงของท่านต้องไม่..กาก...นะครับ...โอกาศขาดมีน้อย นอกเสียจากว่าท่านเอาความถี่ที่ลำโพงของท่านไม่ต้องการเข้าไปด้วย เช่น hi มี mid-low ปนมาด้วย หรือ ท่าน boot ความถี่มากเกินไป ขดลวดเหนี่ยวนำไม่ทัน ไม่รอดครับท่าน
-
ดีีีครับ วิทยาทานผิดถูกไม่ว่ากัน
-
เข้ามารับความรู้ด้วยคน
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ
-
แล้ว 16 โอมห์ยังมีคนต่อใช้อยู่รึป่าวครับ
-
มีเรื่องเกิดข้อสงสัยแล้วครับว่า
ทำไมคอนเสิร์ต bodyslam live in คราม นักร้องเดินไปมาทั้งเวที เดินไปซ้ายสุด ขวาสุด ตรงกลางเวทีที่เป็นแคตวอค ไม่มีหอนสักแอะ เค้าทำได้อย่างไรกันครับ ^^
-
ขอความรู้อีกนิดครับถ้าผมใช้พาวเวอร์3600-ขับซับข้างล่ะกี่ดอกและกี่วัตถึงจะได้ค่าโอมที่8โอมแบบอิ่มๆครับมือใหม่ขอความรู้ครับ smileyy smileyy smileyy
-
ความรู้ล้วนๆเลย ขอบคุณมากครับ
-
มีเรื่องเกิดข้อสงสัยแล้วครับว่า
ทำไมคอนเสิร์ต bodyslam live in คราม นักร้องเดินไปมาทั้งเวที เดินไปซ้ายสุด ขวาสุด ตรงกลางเวทีที่เป็นแคตวอค ไม่มีหอนสักแอะ เค้าทำได้อย่างไรกันครับ ^^
บนเวที อาจจะเช็ตตัวกันหอนช่วยครับ
-
**ผมน้องใหม่เริ่มงงๆครับ..กรณีที่คุยกันอยู่นี่เป็นการต่อ ซับ หรือกลาง หรือแหลมน่ะครับ..แล้วการต่อแหลมเนี่ย..! มี 8 โอม 4 โอม และ 2 โอม ด้วยไหมครับ..ไม่เห็นคุยกันเรื่องต่อแหลมบ้างเลยครับผม... brow brow brow
-
8 , 4 , 2 โอห์ม ใช้ต่อได้ทั้งเบส กลางและแหลมใช่ไหมครับ... loveit loveit loveit
-
มีเรื่องเกิดข้อสงสัยแล้วครับว่า
ทำไมคอนเสิร์ต bodyslam live in คราม นักร้องเดินไปมาทั้งเวที เดินไปซ้ายสุด ขวาสุด ตรงกลางเวทีที่เป็นแคตวอค ไม่มีหอนสักแอะ เค้าทำได้อย่างไรกันครับ ^^
เค้าใช้พิ้งค์นอยส์ กับ EQ 1/3 อ๊อกเตฟ ปรับระบบทั้งระบบให้ FLAT ครับ มันเลยไม่ฟีดแบคง่ายๆ เดี๋ยวผมจะเอาเรื่อง FLAT มาลงให้อ่านครับ
-
มีเรื่องเกิดข้อสงสัยแล้วครับว่า
ทำไมคอนเสิร์ต bodyslam live in คราม นักร้องเดินไปมาทั้งเวที เดินไปซ้ายสุด ขวาสุด ตรงกลางเวทีที่เป็นแคตวอค ไม่มีหอนสักแอะ เค้าทำได้อย่างไรกันครับ ^^
ดีครับ ขอบคุณครับ smiley4
เค้าใช้พิ้งค์นอยส์ กับ EQ 1/3 อ๊อกเตฟ ปรับระบบทั้งระบบให้ FLAT ครับ มันเลยไม่ฟีดแบคง่ายๆ เดี๋ยวผมจะเอาเรื่อง FLAT มาลงให้อ่านครับ