0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ขอเรื่องของ Midiverb 4 อีกสักตั้งด้วยครับ จะได้เข้าเรื่องและยี่ห้อเดียวกัน...ไอ้ตัวที่ใช้อยู่ก็ดีอยู่แล้ว แต่อยากให้ดีที่สุดแบบทะลุทะลวง...ครับพี่..
...ครับ มันเป็นเอฟเฟกยอดฮิตราคาถูก เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย(เตือนยังกะดูภาพยนตร์) ราคามือ 2 มีตั้งแต่ 4000-5000 บาทครับ กับคุณภาพเสียงที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเอฟเฟกราคาเป็นหมื่นๆเลยครับ ถ้าหากคุณเข้าใจในการใช้งานที่ถูกต้อง บางท่านอาจว่าเสียงสู้รุ่นใหญ่ๆไม่ได้ ผมก็ไม่เถียงครับ แต่ถ้าเทียบคุณภาพกับราคา บางทีตัวใหญ่ราคาเป็นหมื่นสองหมื่นมีใช้แล้วปรับไม่เป็น ต่อไม่เป็น ผมว่าคุณก็กลับมาเล่นตัวละ 4-5 พันก็มีค่าเท่ากัน ปรับก็ง่ายเล่นก็ง่าย จริงไหมครับ.......ผมจะอธิบายโดยรวมๆและให้คุณผู้อ่านปรับแต่งที่หน้าเครื่องตามไปด้วย ก็จะเป็นการดีครับ เพราะจะได้เรียนรู้เทคนิคการปรับหรือการผสมเสียงต่างๆที่มีอยู่ในตัวเครื่อง ได้เต็มประสิทธิภาพครับ....... มีปุ่มอะไรบ้างและแต่ละปุ่มมีความสำคัญอย่างไร..1. โวลลุ่ม INPUT ปรับอัตราขยายสัญณาณขาเข้าให้พอดี โดยดูจาก LED ที่หน้าปัด แต่อย่าให้ CLIP นะครับเสียงจะแตกพล่าได้2. โวลลุ่ม MIX ปรับเพื่อผสมเสียงระหว่างเสียงของเอฟเฟกกับเสียงร้องเข้าด้วยกัน TIP: จำไว้ให้ดี เสียงเอฟเฟก มันจะแทนคำพูดที่เป็นภาษากลางมาตรฐาน เราก็จะเรียกว่าเสียง WET ส่วนเสียงร้อง เราจะแทนคำว่าเสียง DRY ฉะนั้นเราก็จะต้องจำไว้อีก 2 คำนั่นคือ เสียงเอฟเฟกหรือ WET ส่วนเสียงร้องหรือเสียง DRY เมื่อเราเริ่มทำความรู้จักกับเอฟเฟก เราก็จะเจอคำ 2 คำนี้ตลอดไปและมันจะอยู่ในโวลุ่มของเอฟเฟกที่ชื่อ MIX ตลอดไปโดยกำหนดให้ทางขวาเป็นเสียง DRY และทางขวาเป็นเสียง WET3. โวลุ่ม OUTPUT เป็นปุ่มปรับอัตราขยายขาออก เช่นเดียวกันครับ เราก็ปรับตามความเหมาะสม ไม่เบาไปไม่แรงไป ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับหน้างานนะครับ4. ปุ่ม STORE เป็นปุ่มกดเพื่อเก็บข้อมูลจากภาค PRESET เข้าสู่ภาค USER หรือจาก USER เก็บที่ USER ก็ได้เช่นกันแต่เราไม่สามารถแก้ไขข้อมูลที่ ภาค PRESET ได้ครับ5. ปุ่ม BANK/MIDI เป็นปุ่มเพื่อเลือกระหว่าง PRESET กับ USER ครับ ถ้ากดค้าง 2 วินาทีจะเข้าหมวด MIDI และต้องกดค้างเพื่อเปลี่ยนช่องของ MIDI ได้ โดยการหมุนปุ่ม DIAL ควบคู่กันไปด้วย (อย่าไปสนใจเลยครับ น่าปวดหัว)6. ปุ่ม DIAL หมุนเพื่อเปลี่ยนโปแกรมต่างๆที่มีอยู่ในตัวเครื่องเพิ่มหรือลดลงในหมวดของ PRESET/USER7. โวลลุ่ม EDIT A เป็นปุ่มปรับพารามิเตอร์ A หรือเสียงเอฟเฟกพวก DECAY ให้ยาวหรือสั้นลงในแต่ละหมวด8. โวลลุ่ม EDIT B เป็นปุ่มปรับพารามิเตอร์ B หรือปรับเพื่อเพิ่มเสียงของ EDIT A อีกที นั่นหมายความว่าเมื่อเราปรับ EDIT A เราก็จะปรับ EDIT B ควบคู่กัน ไปด้วยเพื่อให้เกิดเสียงสมดุลตามที่เราต้องการ...ส่วนด้านหลังผมก็จะไม่อธิบายมากครับ เพราะมันก็เป็นการต่อแบบพื้นๆไม่มีอะไรมากครับ ส่วนทางด้านอินพุทที่เป็นขาเข้า เราจะเข้าแบบ ST หรือเข้าแบบ MONOมันก็อยู่ที่มิกซ์ของเราด้วยนะครับว่ามันจะมีเอ้าพุทตัวช่วยอะไรบ้าง หรือมิกซ์เรามีลูกเล่นอะไรบ้างนั่นเอง......หลายท่านบอกเอฟเฟกรุ่นนี้มันเล็กเกินไปเสียงก็บางไม่หนาและไม่นุ่ม ผมไม่รู้ว่าถ้าท่านใดคิดแบบนี้ผมว่าท่านคิดผิดครับ ผมอยากจะให้ทุกท่านที่ใช้เจ้า ไมโครเวิบ ตัวนี้ลองใช้ให้มันเต็มประสิทธิภาพดูกันก่อนครับโดยการต่อแบบอนุกรมนะครับ......คำสั่งของสัญณาณขาออกเราจะใช้ AUX SENT หรือ กรุ๊ฟก็ได้นะครับ แต่ถ้าใช้ AUX SENT ผมอยากให้ท่านใช้ตำแหน่ง AUX เป็นแบบ POST เท่านั้นครับท่านจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน......เรามาดูโปรแกรมและการทำงานกันดีกว่าครับ เนื่องจากเอฟเฟกรุ่นนี้ทำโปรแกรมสำเร็จมา อย่างละ 100 โปรแกรมครับ โดยแบ่งหมวดหมู่ตามที่ได้ติดเอาไว้ที่หน้าปัดทางขวามืออยู่แล้ว จำไว้นะครับว่าข้อกำหนดของ ไมโครเวิบ คือถ้ามีการบันทึกโปรแกรมที่แต่งแล้วมันจะส่งเข้าบันทึกที่ USER อัตโนมัติ เมื่อเราทำการกดปุ่ม STORE 2 ครั้ง โดยการสังเกตว่าเมื่อใดมีตัวเลขนำหน้าคือเลข 1 แล้วตามด้วยตัวเลขอีก 2 หลักนั่นคือ USER ครับ แต่ถ้าเป็นตัวเลขแค่ 2 หลัก นั่นคือหมวด PRESET ครับเป็นโปรแกรมมาจากโรงงานนะครับ..... TIP: ในขณะที่เราเรียกค่าโรงงาน มาใช้งาน ค่าพารามิเตอร์ต่างๆที่บรรจุหรือตกแต่งไว้แล้วในโปรแกรม มันจะถูกดึงมาใช้จนหมดและไม่สนใจว่าโวลุ่ม EDITA/B จะอยู่ที่ตำแหน่งไหน แต่เมื่อคุณไปหมุน EDIT A/B เมื่อไหร่ ค่าต่างๆมันจะถูกยกเลิกและเข้าสู่ตำแหน่งของ EDIT A/B ทันทีตามตำแหน่งที่โวลุ่มถูกหมุนไป...ใช้งานอย่างไรกับโปรแกรมโรงงาน?...ท่านจำไว้เสมอนะครับว่าในหมวด USER ท่านสามารถใช้โวลุ่มเพียงตัวเดียวคือตัว MIX นะครับเป็นการฟังเสียงจาก โปรแกรมโรงงานนั่นเอง ส่วนโวลุ่ม EDIT A/B อย่าเพิ่งไปหมุนเล่นนะครับ เราจะหมุนก็ต่อเมื่อเราจะเปลี่ยนค่าโรงงานแล้วจะเก็บบันทึกเท่านั้น โปรแกรมที่น่าเล่นก็จะเป็น PLATE ที่ 20-29 ก็เท่ากับว่าในหมวด PLATE ท่านสามารถบันทึกได้ถึง 10 โปรแกรม แค่นี้ก็เหลือแล้วครับเพราะอย่างมากเราก็ใช้กันเต็มที่ก็ 1-2โปรแกรมเท่านั้นครับ และโปรแกรม คิดว่าน่าจะเหมาะที่สุดก็จะเป็น 22/26/27 ที่น่าใช้ครับ เอาเท่าที่ผมได้ลองแล้วกัน ส่วนท่านใดที่มีความเห็นต่างก็ไม่ว่ากันครับ...มาลองเล่นกันดูเลยดีกว่าครับ......เริ่มนะครับ... 1. ขั้นตอนแรกก็คือนำสายโฟนโมโน 1 เส้นหัวท้าย เสียบที่ AUX SENT ที่ 1 ก็ได้ครับ เข้าที่ INPUT ของเอฟเฟกที่ด้าน L/MONO ครับ2. นำสายโฟนอีก 2 เส้นเสียบที่ OUTPUT ของเอฟเฟกส่วนอีก 2 ปลายที่เหลือเข้ามาเสียบที่ RETURN ของมิกซ์ครับ เลือกที่ RETURN 1 ก็ได้ครับ3.ในการใช้ AUX SENT ท่านก็ลองทดสอบเสียงเหมือนที่ท่านต่อตามปรกติของท่านก็ได้นะครับ หรือบางท่านก็บอกว่า ผมก็ใช้หลักการต่อแบบนี้หละ ไม่เห็นแตกต่าง ครับถูกต้องไม่แตกต่างหรอกครับ ก็เพๆราะตั้งแต่ข้อ 1- 3 มันก็หลักการเดียวกันกับที่ท่านต่อนั่นหละ4. ลองเทสสัญณาณดูครับว่ามันมีเสียงออกตามปรกติเหมือนที่ท่านใช้หรือเปล่าโดยส่วนมากท่านจะปรับตามนี้กันครับ 4.1 โวลุ่ม INPUT ปรับไม่เกินบ่าย 2 หรือบ่าย 3 แน่นอน 4.2 โวลุ่ม MIX บางท่านปรับมาทางซ้ายสุดเช่นเคย 4.3 โวลุ่ม OUTPUT ปรับไม่เกินบ่าย 2 หรือ บ่าย 3 ก็ประมาณนี้ ส่วนโปรแกรมที่ท่านใช้ก็แนะนำว่าใช้โปรแกรม PLATE ก็ได้ครับเบอร์ที่แนะนำก็คือ 22/26/27 ผมว่า 3 เบอร์นี้ก็พอ แต่ก็แล้วแต่ท่านนะครับจะใช้เบอร์อะไร และการต่อแบบเดิมๆที่ท่านใช้นั่นก็คือใช้โวลุ่ม AUX SENT ทาง POST แน่นอนครับ เพราะหลายท่านก็ใช้อย่างนี้ครับ เพราะมันเป็นมาตรฐานในการต่อใช้เอฟเฟกนั่นเองแต่ผลที่ได้นั้นท่านเคยสังเกตหรือเปล่าว่า ทำไมเสียงที่โวลุ่ม MIX มันมีแต่เสียงเอฟเฟกอย่างเดียว แต่เสียงร้องก็ยังดังโด่ๆเด่ไม่ลงเลย แน่นอนครับ เพราะการต่อแบบนี้มันเป็นการต่อขนานนั่นเองครับ เพราะสัญณาณ DRY จะวิ่งไปเมนมิกซ์โดนตรงเมื่อคุณเร่งสไลท์ขึ้น ความดังก็จะมากขึ้นสัญญาณแรงขึ้น และ วิ่งไป 2 ทิศทางอย่างที่บอก......คราวนี้เราจะมาลองกันใหม่นะครับ(ค่อยๆอ่านแล้วทำตามที่ผมบอกครับ)...ทำตามข้อ 1-4 เหมือนเดิมครับ แต่เปลี่ยนจาก AUX POST มาเป็น AUX PRE ครับ ส่วนโวลุ่ม MIX บิดทวนเข็มจนสุดครับ (ปิดเสียง WET แต่เปิดเสียง DRY 100%) และก็สไลท์มิกซ์ในช่องนั้นไม่ต้องใช้นะครับ ห้ามดันสไลท์มิกซ์ของช่องสำหรับไมค์นี้ขึ้นเด็จขาดก็คือไม่ใช้เลยนั่นเองหรือ กดมาให้ต่ำสุดเหมือนไม่ได้เปิด แล้วค่อยๆปรับโวลุ่ม AUX SENT (ตำแหน่ง PRE) ทดลองพูดแล้วสังเกตที่ไฟวิ่งของเอฟเฟกอย่าให้ CLIP นะครับ แล้วดูว่ามีเสียงพูดออกหรือไม่แต่โวลุ่มมิกซ์ยังอยู่ทางขวาสุดเหมือนเดิมนะครับ ในช่วงที่ทดลองนี้ แน่นอนครับ เสียงเอฟเฟกจะไม่ออก แต่เสียงพูดน่าจะออกบ้างนะครับ และโปรแกรมที่ใช้ ลองใช้โปรแกรมที่ 26 หรือ 27 ก็ได้ครับทดลองเร่งโวลุ่ม MIX ดูครับ เสียงเอฟเฟกก็จะเริ่มปล่อยออกมาครับ (EDITA/B ไม่ต้องสนใจนะครับ มันอยู่ตำแหน่งอะไรก็ช่างมันครับ).......ในช่วงที่เร่งโวลุ่มมิกซ์เพื่อปล่อยเสียงเอฟเฟกออกมานั้น สัญญาณ DRY ที่เราส่งเข้ามาที่ เอฟเฟก โดยตรงจะเริ่มถูกบั่นทอนออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ครับ ท่านสังเกตฟังเสียงดีๆเสียงที่ได้จะนุ่มและลึก โวลุ่ม MIX ตัวนี้ผมเคยปรับจริงไม่เกิน เที่ยงครับ มากกว่านี้เสียงจะนุ่มลึกเกินไป และผลที่ได้จากการต่อแบบการใช้ AUX SENT แบบ PREก็คือ หน้าลำโพงจะหอนน้อยลง ท่านลองพูดใกล้ๆลำโพงก็ได้ครับ ผมรับรองว่าถ้าท่านต่อถูกต้องไมค์ท่านหอนน้อยลงอย่างแน่นอนครับ.....เป็นอย่างไรบ้างครับ ท่านที่ใช้เจ้าเอฟเฟกรุ่นนี้ เสียงร้องท่านดีขึ้นหรือไม่ครับ การหอนน้อยลงไปหรือเปล่า เสียงนุ่มลึกดีหรือไม่ เมื่อท่านใช้จนชินแล้วหรืออยากได้เอฟเฟกมากหรือน้อยแต่ในขณะเดียวกัน เสียงร้องก็ต้องนุ่มด้วย ท่านก็สามารถปรับโวลุ่ม EDIT A/B ช่วยอีกทางก็เป็นไปได้ครับ เมื่อท่านเข้าใจที่ดีพอ อยากจะบันทึก ก็กดปุ่ม STORE 2 ครั้ง ข้อมูลก็จะถูกบันทึกในเบอร์เดิมแต่มีเลข 1 ข้างหน้าเรียบร้อยครับ.....สรุปอีกทีนะครับ ในการต่อแบบนี้ โดยการใช้ AUX ในตำแหน่ง PRE..1. โวลลุ่มสไลท์ในช่องมิกซ์ห้ามใช้ครับ ไมค์แต่ละตัวปรับความดังด้วยโวลลุ่ม AUX เท่านั้น2. ตำแหน่ง โวลลุ่ม AUX ต้องใช้ที่ตำแหน่ง PRE อย่างเดียว3. ความดังของไมค์ทุกตัวที่ใช้อยู่จะถูกควบคุมด้วยโวลลุ่ม RETURN เท่านั้น แต่ถ้าไมค์แต่ละตัวดังไม่เท่ากันให้ปรับที่โวลลุ่ม AUX แทนนะครับ...ในการต่อแบบ AUX SENT แบบอนุกรมที่ผ่านมาบางท่านบอกดูแล้วทะแม่งยังไงไม่รู้เพราะมีช่องสไลท์มิกซ์ก็ไม่ได้ใช้ ก็แน่นอนล่ะครับ ถ้าท่านใช้เมื่อไหร่ก็จะเป็นการส่งสัญญาณ DRY ออกที่เมนมิกซ์เหมือนเดิมก็เหมือนการต่อขนานนั่นเองผมถึงบอกห้ามใช้ไงครับเมื่อดันมากไมค์ก็จะหอนอีกครับ ในเมื่อคิดว่าการต่อแบบ AUX และดูเหมือนวุ่นวาย ก็จะมีอีกวิธีนึงก็คือการต่อแบบใช้กรุ๊ฟครับ และนิยมมากครับในบรรดาห้องอัดก็จะต่อเอฟเฟกแบบนี้ทั้งนั้นครับ มาลองต่อแบบอนุกรมโดยการใช้กรุ๊ฟกันต่อครับ...1. ใช้สายโฟนโมโนทั้งหมด 4 เส้นครับ 2 เส้นแรกให้เสียบที่กรุ๊ฟเอ้า 1/2 (GROUP OUT 1/2)..2. ใช้สายโฟนอีก 2 เส้นที่เหลือต่อตามเดิมโดยออกจากเอฟเฟก มาเข้าที่ RETURN 13. กดปุ่ม GROUP 1/2 ที่ใกล้ๆสไลท์มิกซ์ครับ4. ห้ามกดปุ่ม MAIN หรือ ปุ่ม L/R ที่ใกล้สไลท์มิกซ์5. โวลลุ่ม AUX ไม่ต้องใช้ครับเราจะไม่มองมันเลย6. เอฟเฟกตั้งเหมือนเดิม7. ที่โวลลุ่มของ MAIN GROUP เราเลือกใช้งานที่โวลลุ่มกรุ๊ฟ 1/2 เพื่อส่งสัญญาณไมค์ไปออกที่กรุ๊ฟเอ้า8. สามารถใช้โวลลุ่มสไลท์มิกซ์ต่อช่องได้เหมือนเดิมเพื่อปรับความแรงของไมค์แต่ละตัว9. จะใช้ไมค์กี่ตัวให้กดกรุ๊ฟ 1/2 หรือที่ต้องการควบคุมทุกตัว10. สวิทช์ที่สำหรับเลือกว่าจะให้กรุ๊ฟที่เราเลือกจะให้ออกช่องซ้ายหรือช่องขวา ไม่ต้องกดนะครับ เพราะสัญญาณไมค์มันไปรออยู่แล้วที่กรุ๊ฟเอ้าอยู่แล้ว ถ้ากดจะเป็นการต่อแบบขนานทันที...ก็เหมือนเดิมครับ ลองทดสอบเรื่องเสียงดูว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ถ้าถูกต้องก็ต้องมีเสียงออกครับ แล้วปรับเอฟเฟกโดยการหมุนโวลลุ่ม MIX เพื่อผสมเสียง DRY กับ WETเข้าด้วยกัน ให้เหมาะสมท่านก็จะได้เสียงที่สมบูรณ์นุ่มและลึกกว่าที่ท่านเคยต่ออยู่แบบเดิมๆอย่างแน่นอน......สุดท้ายของเรื่องนี้ ในการต่อเอฟเฟกแบบนี้ เพียงแต่ขอให้ท่านเข้าใจถึงทางเดินสัญญานของมิกซ์บ้าง เรียนรู้ให้เป็น ปรับแต่งเอฟเฟกได้ถูกต้อง เรียนรู้แต่ละปุ่มแต่ละพารามิเตอร์ให้เข้าใจ และสุดท้ายก็คือการต่อเอฟเฟกให้ถูกต้อง อย่ายึดติดกับค่าเดิมๆ ใครต่อยังไงเราก็ต่อยังงั้น ลองเปลี่ยนทัศนคติดูบ้าง อย่างน้อยก็มีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้น ก็อาจจะทำให้อะไรบางอย่างดีขึ้น ก็เท่านั้นเองครับ...ขอขอบคุณเพื่อนๆมากครับ ที่ให้ความสนใจ อย่าลืมนะครับ ไม่เข้าการต่อใช้งานเรื่องเอฟเฟก โทรหาได้ตลอดเวลาครับ ไม่เกินเที่ยงคืนของทุกวันครับ