Tigger Sound
ห้องสมุด คลังความรู้ต่างๆ ในแวดวงเครื่องเสียง
=> ห้องสมุด ทิกเกอร์ซาวด์ เครื่องเสียง ตู้ลำโพง ระบบเสียง แสงสี และอุปกรณ์อื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: ร้านทิกเกอร์ซาวด์ ที่ กรกฎาคม 29, 2010, 09:22:53 am
-
เมื่อเรามีประสพการณ์ที่ดีกับการฟังจากลำโพงหรือวงดนตรีสด เคยมีไหมครับอาการที่ว่าอ้อเพลงนี้มันร้องอย่างนี้เวลาไปฟังที่อื่นในที่สุดเราก็รู้ความหมาย นั่นคือสัญญาณที่ดีครับ บางทีฟังที่บ้านแหลมจัดเบสนำ กลางหลบ ลองเปลี่ยนมาฟังแบบที่ครบทุกเสียงดูครับจะเห็นว่าเพลงเศร้าเพลงไวเพลงสมหวัง มันมีความแตกต่างอยู่ศิลปินต้องการถ่ายทอดอารมณ์ให้เราครับ แวะจะได็นได้ยินนอีกมุมของเสียงดนตรีครับเมือเสียงมันครบมันได้ใจมาก นอกเรื่องแล้วต่อไปครับการเลือกลำโพงเบสที่ดีทำอย่างไร สูตรไหนยังไง ผมมีเพื่อนเป็นศิลปินอยู่คนหนึ่งครับครับนามมังกรพี่เอกหลอด เขาเปนคนที่ทำแอมป์หลอดเก่งมากจำข้อมุลได้หมด เขาเป็นนักกีตาร์ตรับ เขามีแนวคิดในการเลือกตู้ลำโพงเบส ดอกลำโพง และตู้ซับเบสหรือสูตรตู้ ที่ไม่เหมือนใครจนผมต้องไปรื้อพื้นการเล่นกีตาร์เบส หัวใจสำคัญคือกีตาร์เ้บสจำไว้ ตู้เบสสูตรไหนก็ตาม ที่ฝรั่งมันทำมาขายจนมันแพงจนซื้อไม่ได้ มันแตกต่างจากที่เราทำตรงที่มันมีความแม่นยำและเป็นดนตรี ตู้เบสทุกสูตรในโลกนี้ถ้าดีการทดสอบง่ายมาก ให้ทำแบบนี้
เมื่อต่อมิกซ์เข้าแอมป์ แชนแนลที่มิกตั้งกลางตรงตำแหน่งแฟลต เสียบกีตาร์เบสแล้วลองโซโล่ดู ดูดูดูดูเธอทำเล่น ไป ตู้ที่ดีต้องคลุมทุกย่านความถี่ของเสียงซึ่งฟังแล้วเบสที่ออกมาจะต้องเป็นลูกตามตัวโน๊ตไม่เพี้ยน เล่นไปทุกเม็ดทุกโน็ตต้องชัด เสียงต้องไม่หลอก หรือมีอาการที่เล่นไปบางช่วงความถี่เสียงอาจดังเกินไปจนฟังดูคลุมเคลือ สายบนเล่นแล้วเวลาโซโล่ต้องไม่เพี้ยนไม่อื้ออึง จำไว้ลำโพงก็คือเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งที่เป็นด่านสุดท้ายก่อนที่จะถ่ายทอดความตั้งใจของศิลปิน ถ้าเสียงมันหลอกมันหลอกตอนแรกแล้ว เหมือเล่นกีตาร์ที่ไม่ได้ตั้งสาย ลำโพงที่ถ่ายทอดตรงนี้ไม่ได้เหมือนเครื่องดนตรีที่ไม่ดีเบสเสียงเพี้ยนบางสียงหายบางเสียงเกิน เสียงที่มันเกินมาจะเอามาทำไมเขาว่างั้น การทำตู้ให้ดังในความถี่ใดความถี่หนึ่งสไตล์รถยนต์ ออกมาดังเป็นกิน เขาเรียกว่าวันโน๊ตเบส เสียงเดียว ดีช่วงเดียวหมู มันง่าย แต่ถ้าตู้ลำโพงดีคลุมทุกย่านความถี่อันนั้นยาก เป็นที่มาของคำว่าตู้นี้ดีมิกซ์ง่าย ไม่มีล้น ได้เสียงที่เป็นเม็ดกระเดื่องมาทั้งหัวและเสียงลม เสียงกีตาร์เบสนำกระเดื่องผสมกันออกเป็นโน็ต ตืมตืึมตืมตึ่งตืงตึมตืง สมความปรารถนาของศิลปินไม่คลุมเครือ อ้อ อ้อ อ้อ นี่แหละคิดแบบศิลปิน ถ้าออกมาไม่ดีเสียงล้นอื้ออึงยิ่งดังยิ่งเพี้ยน ฟังแล้วคลุมเคลือเสียงดังแรงขนาดไหนมันก็ไม่มีประโยชน์ เลือกเอาที่เสียงดีออกมาทุกย่านชัดเจนเป็นลูก สามารถต่อช่วงความถี่ตอนใช้งานเต็มระบบวะหว่างเสียงกลางแหลมได้อยางกลมกลืน ตามความต้องการของคนที่ถ่ายทอดอารมณ์เพลง จะดีกว่า
เห็นไหมครับชัดเจน ผมก็ลองเปรียบเทียบดูจริงครับตู้ที่มาจากนอกแท้มันคลุมจริมก็อปแล้วดีจริง สูตรผีบอกทำเองดังจริงเล่นคาราโอเกะได้เล่นวงยากครับมันไม่เป็นดนตรี ฝรั่งมันลองมาหมดแล้ว เขาว่่างั้น อันนี้ผิดถูกไม่แน่ใจเล่าให้ฟังเด้อ
ต่อด้วยเรื่องความไวของลำโพง และกำลังวัตต์ที่เป็นค่านิยมตอนนี้ ลำโพงเนี่ยมาิกเคยสังเกตุไหมครับว่าตู้กีตาร์เนี่ย fender 12 นิ้ววัตต์แอมก็แค่40 วัตต์แต่ทำไมมันถึงดังขนาดนั้นได้ไง
มันอยู่ที่ความไวของดอกและกำลังวัตต์ที่สอดคล้องครับ ยกตัวอย่างถ้าดอกดอกหนึ่ง 200วัตต์ 98ดีบี กับอีกดอก 600 วัตต์ 98ดีบี คนรู้ห้ามบอกนะครับ หลายคนต้องเลือก ตัว 600 วัตต์98 dbแน่แน่ เป็นการเลือกที่ไม่เชิงว่าผิดเพราะวัตต์เยอะทนเอาไว้ก่อนละ แต่ลองดูตัว200 วัตต์ 98 ดีบีครับ คือเอาง่ายง่าย ในกำลังวัตต์ที่ขับแค่ 200 วัตต์เสียงมันดังเท่ากับอีกตัวที่ตั้งใช้ถึง 600 วัตต์ ประหยัดทั้งแอมป์ ไฟ การขนย้าย เพราะเราฟังที่เสียง ที่ออกมา กินวัตต์น้อยแต่ดังแรงประหยัดทั้งไฟ เงินทอง แรงกาย และเวลา
ดังเท่ากันไม่กินวัตต์ แข่งกันใช้วัตต์น้อยแต่ดังแรง ขนไปน้อยแต่เสียงดี ฝรั่งเขาแข่งกันอย่างนี้ ไม่ต้องตกใจครัับบางทีลำโพงวัตต์น้อยกลัวไม่ดัง เดี๋ยวนี้มันต้องดังแรงแล้วต้องไม่กินวัตต์ครับ ให้ดูดีบี แล้วเทียบกับวัตต์ที่ใช้ด้วย เอาง่ายง่าย เปรียบเทียบหลอดตะเกียบ 17วัตต์ สว่างเท่าหลอดไส้ 60 วัตต์ คนใช้วัตต์ต่ำแต่สว่างเท่ากัน เพราะโดนค่าไฟ ดอกลำโพงก็เหมือนกันครับ ต่อไปนี้ และแล้วซาร่าและจรอท์ก็บอกลาหม้อเสต็บไปเลย โอ้มันยอดมากล้ามแขนซาร่าไม่มีเลยไม่ต้องยกหนักแล้ว ยอดมากเลย
โอ้วมันดีอย่างนี้เอง แอมป์นอกมันเลยไม่ค่อยแรง แต่ลำโพงเขาไม่กินวัตต์ แต่เสียงดีมักมัก ดังกว่าของเราอีกหือหือ ยุคนี้ต้องเน้นเล็กดีรสโตครับ ลองดูแนวคิดนี้บ้างครับ ผิดถูกขออภัยเด้อพี่น้อง แถมนิด โอ้วซาเลนเจอร์วัตต์น้อยกว่าไอเอ็มเอฟ หาจริงเหรอจรอท์
ไอเอมเอฟ1000 ซาเลนเจอร์600์วัตต์ ไม่นะซาร่า ซาเลนเจอร์ 600วัตต์ แต่ดีบี มหาศาล ไ่ม่กินวัตต์และยังดังกว่าในอัตตราเร่งเท่ากัน ทังที่เป็นโครงหล่อแต่ไม่กินวัตต์ครับ ก็เก็บมาฝากครับสำหรับวิีธีที่น่าจะเป็นคำตอบสำหรับการเลือกดอกมาใช้งานครับ ดอกดีแอมป์วัตต์น้อยขับก็ดังไม่ต้องยกแอมป์หนักหรือกลัวไฟตก ลดปัญหาไปเยอะครับ โอ้ไม่นะชาร่า สวัสดีครับ
tiggersound 29 กค 10
-
ขอบคุณครับเจ้าบ้าน นำความรู้มาสู่พี่ๆน้องๆ บ้านเราน่าอยู่เสมอ smileyy
-
โอว้พระเจ้ายอด มันจอร์ชมาก
-
นายเยี่ยมมาก ใช่นายเยี่ยมมาก...
-
ความรู้นี้มันแจ่มมากครับ จะได้ไม่ต้องหาแอมป์วัตตืเยอะอีกต่อไป ขอบคุณครับ
-
บรรยายได้อารมณ์มากๆครับ ขอบคุณครับ smileyy smileyy
-
โปรดติดตามตอนต่อไป
-
เป็นประโยชน์มากมายครับ
-
เป็นคำอธิบายที่โดนใจม๊ากมากครับ ชอบๆๆๆ smileyy smileyy
-
อ่านแล้วนึกภาพออกเลยครับ ขอบคุณครับ
-
เน้นแต่เนื้อๆๆๆๆๆๆๆๆเลยครับ น้ำไม่ต้อง smileyy smileyy smileyy smileyy smileyy smileyy
-
ใช่ครับวัตต์เยอะก็แพง...เปลืองตังค์ครับ(คิดเอาเอง)
-
อยากตบมือเสียงดังๆให้เจ้าบ้านเรามากครับ
-
เป็นความรู้ที่เลิศจริงๆครับ
แต่ก็มีข้อสงสัยตามมาครับว่า แล้วดอกลำโพงมีกำลังวัตต์สูงๆไว้เพื่ออะไรครับ ?
-
โอ้วววววว พระเจ้าจอร์ด ความรู้แล่นขึ้นหัวสมองแล้วครับ ขอบคุณหลาย smileyy
-
เข้าท่า...ดีครับดี
-
อ๊อดเลย
-
ต่อไปจะซื้อดอกต้องดูดีบี ดีครับ ๆ ขอบคุณ ๆ sinister...
-
กระจ่างเลย
-
ขอบคุณครับกับเกร็ดความรู้ด้านดอกลำโพง
-
ขอบพระคุณมากๆเลยครับ เข้าใจแล้วครับผม ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะครับผมขออนุญาตถามต่ออีกนิดหน่อยนะครับ ว่า
ถ้าสเปคดอกลำโพงของเรามีกำลังต้านทาน 800 วัตต์ rms ควรจะเลือกใช้เพาเวอร์แอมป์ที่มีกำลังพอดีกับดอกหรือว่าสูงกว่าดอกลำโพงครับ
-
ความรู้ขั้นเทพ
-
ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ครับ.. smileyy
-
สุดยอดจริงๆ
ขอขอบคุณเจ้าบ้านที่นำความรู้มาฝากเพื่อนๆสมาชิก
และที่ขาดไม่ได้เลยคือพี่ สมโภช สุดยอดจริงๆพี่
อย่างนี้ต้องยกนิ้วล่ะครับ
-
ขอบคุณครับ จากที่ผมไม่มีความรู้ด้านนี้ตอนนี้ทำให้ผมพอจะ งูๆปลาๆ ไปกับพวกท่านได้ ขอบคุณอีกครั้งครับ คาราวะ 3 จอกกว่าๆ....................
-
ขอบคุณครับสำหรับความรู้ดีๆ smileyy smileyy
-
เป็นความรู้มากๆๆขอคุณ
-
ขอบคุณมาก ๆ กำลังปวดหัวกับการซื้อดอกลำโพงพอดี ประเทืองปัญญามาก ๆ brow
-
สุดยอดเลยครับท่าน
-
ขอบคุณครับ
-
กระจ่างขึ้นเยอะเลย
-
เท่าที่อ่านดูกระทู้นี้น่าจะพูดถึงเรื่องSensitivityเป็นส่วนใหญ่
นับเป็นความรู้ที่มีประโยชน์มากครับ
ผมขออนุญาตเสริมอีกนิดนึงครับ
ลำโพงที่มีSensitivityสูง จะมีความดังสูงด้วยแน่นอนครับ ตามสูตรหาSPL=10LogW+Sensitivity คือพูดง่ายๆ เพิ่มกำลังวัตต์มากอีกเท่านึงได้มา3dB สู้หาSensitivityให้มากกว่า3dBดีกว่ามั๊ย ไม่เปลืองกำลังวัตต์ด้วย
ทีนี้เวลาซื้อลำโพง ก็เลือกกันแต่Sensitivityสูงๆ เพื่อให้ได้ความดังเยอะๆ
แต่ การดูSensitivityอย่างเดียวไม่ถูกต้องนะครับ สิ่งที่สำคัญเลยคือFrequency Rangeครับ
ผมยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ
สมมุติถ้าจะเลือกลำโพง15"มาทำ3ทางเป็นกลางทุ้ม จะเลือกลำโพงไหนให้ดังกว่ากัน
ระหว่าง
ลำโพงA กำลัง500w, Sensitivity97, Frequency range 40Hz-1.5KHz
ลำโพงB กำลัง500w, Sensitivity100, Frequency range 60Hz-3KHz
ถ้าเอาตามทษฎี สูตรคำนวณหาSPL ตอบได้เลยครับว่าลำโพงBดังกว่าแน่นอน
แต่ เชื่อมั๊ยครับว่าในความเป็นจริงลำโพงAดังกว่าครับ
Sensitivityเป็นค่าช่วงที่ลำโพง ตอบสนองช่วงความถี่นั้นๆได้ดี ในโจทย์ข้อนี้ก็คือ ลำโพงAจะโดดเด่นช่วงเสียงย่าน "อ้า โอ้ อู้" ส่วนลำโพงB จะโดดเด่นช่วงเสียงย่าน "แอ้ เอ้ อ้า" ฉะนั้น ข้อนี้ตอบได้เลยครับว่าลำโพงA Sensitivity97dB ดังกว่าลำโพงB Sensitivity100dBครับ เพราะจากโจทย์ต้องการทำเสียงกลางทุ้ม ซึ่งลำโพงB Sensitivityสูงก็จริง แต่มันไม่ทำงานช่วงนั้นเลยอ่ะครับ และในความเป็นจริงลำโพงย่านความถี่สูงจะมีSensitivityที่สูงตามด้วย
ดังนั้น การดูFrequency rangeสำคัญมากครับ หากดูCurveไม่เป็น ให้สอบถามผู้ขายเลยครับ โดยส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะแยกประของลำโพงให้แล้ว เช่น W,LF หรือ LF,ELFเป็นต้น
จากส่วนตัวผมเคยพลาดโจทย์นี้มาแล้วครับ เลือกSensitivityสูงเข้าว่า เศร้าเลย เสียงไม่หนา ไม่โปร่งเลยครับ
-
ความรู้ชั้นเยี่ยม browหายาก
-
ขอต่ออีกหน่อยครับ
นับตั้งแต่ Micheal Faraday ค้นพบกระแสไฟฟ้า Edison ค้นพบหลอfไฟและเครื่อง Grammophone ส่วน Marconi ค้นพบการส่งคลื่นวิทยุ โลกของไฮไฟก็อุบัติขึ้นหลังจากการถือกำเนิดของหลอดสูญญากาศ อันที่จริงในยุคเริ่มต้นของหลอดสูญญากาศ หลอดส่วนใหญ่ถูกใช้อยู่ในเครื่องรับส่งวิทยุ ส่วนการผลิตออก มาในรูปของเครื่องเสียงนั้นเกิดขึ้นยุคถัดมา เครื่ิองขยายหลอดในยุคแรกๆมีกำลังวัตต์ต่ำมากเป็น มิลลิวัตต์ แม้ในโรงภาพยนตร์เองก็ใช้เครื่องขยายขนาดประมาณ 10 วัตต์เท่านั้น หลอดที่ใช้ก็จะเป็นพวก 300B เสีย ส่วนใหญ่ เมื่อเครื่องขยายมีกำลังต่ำมากในยุคเริ่มต้นของไฮไฟ ก็ย่อมต้องเป็นหน้าที่ของลำโพงที่ต้องชดเชยจุดอ่อนนี้ โดยการสร้างลำโพงที่สามารถให้เสียงได้ดังมากๆที่วัตต์น้อยๆ หรือเป็นลำโพงแบบ High Efficiency Loudspeaker นั่นเอง การออกแบบลำโพงให้มีความไวสูงมากๆจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ลำโพงส่วนใหญ่ในยุคนั้นล้วนมีความไวเกิน 100 dB แทบทั้งสิ้น ลำโพงแบบประสิทธิภาพสูงก็มีข้อดีข้อด้อยของตนเอง ข้อดีคือ ความไวของลำโพง ส่วนข้อด้อยคือการตอบสนองความถี่เสียงที่ไม่ราบเรียบโดยเฉพาะเสียงทุ้ม การออกแบบให้ลำโพงมีความไวสูง ต้องออกแบบให้มวลที่เคลื่อนที่ต่ำที่สุดหรือเบาเพื่อไม่ให้เสียกำลังขับ เคลื่อนมากนัก การขับเสียงความถี่สูงไม่เป็นปัญหา แต่กับความถี่ต่ำแล้วมักจะเป็นจุดอ่อนของลำโพงประเภทนี้ลองคำนวณดูคร่าวๆจาก สูตร v = ƒ*L เมื่อ v เป็นความเร็วของเสียงในอากาศซึ่งเป็นค่าคง ที่ที่ 1120 ฟุต/วินาที ƒ เป็นค่าความถี่เสียง ส่วน L คือความยาวคลื่นเสียง พบว่าที่ 20 Hz เสียงจะมี ความยาวคลื่นถึง 56 ฟุต ซึ่งสำหรับยุคนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่ลำโพงจะสร้างคลื่นความถี่ ต่ำขนาด นั้นได้ วิศวกรในยุคนั้นแก้ปัญหานี้โดยการสร้างระบบตู้ลำโพงแบบที่เรียกว่า Horn-Loaded Enclosure หรือตู้ ฮอร์น ซึ่ึ่งมีทั้งแบบ Front-Loaded Horn และ Back-Loaded Horn แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียของตัวเอง การทำงานของตู้ฮอร์นก็เพื่อขยายคลื่นเสียงความถี่ต่ำจากลำโพงให้ดังมากขึ้น โดยหลักการคล้าย หลักการทำงานของทรานสฟอร์เมอร์ โดยคลื่นเสียงจะเดินทางผ่านช่องแคบที่ค่อยๆขยายออกจนถึง ปากฮอร์น ซึ่งความถี่ต่ำเท่านั้นที่เดินทางไปได้ ส่วนความถี่กลางและแหลมจะถูกดูดซับไว้จาก Chamber หลังลำโพง และตลอดความยาวของฮอร์นแบบ Back Loaded ลำโพงจะให้เสียงต่ำได้ลึกแค่ไหนขึ้นกับ ขนาดของปากฮอร์น ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งลึก โดยทั่วไปปากฮอร์นจะถูกออกแบบให้มีขนาดเท่า 1/4 ของความยาว คลื่นที่ต้องการ เช่น ที่ 50 Hz คลื่นเสียงจะมีความยาว 22.4 ฟุต และที่ 1/4 ของความยาวคลื่นจะมีความ ยาว 5.6 ฟุต ซึ่งก็คือขนาดของปากฮอร์นนั่นเอง
การออกแบบลำโพงฮอร์นบางรุ่นจะใช้ผนังห้องหรือมุมห้องเป็นส่วนหนึ่งของปาก ฮอร์นไปเลยก็มี เช่น KLIPSCH HORN เป็นต้น เป็นไงบ้างครับ คงพอจะจินตนาการกันออกว่าลำโพงฮอร์นนั้นจะใหญ่โต
โอฬารแค่ไหนเพียงเพื่อให้ได้เสียงทุ้มลึกที่ต้องการ แล้วห้องฟังละครับควรจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน คงไม่ต้องบรรยายต่อนะครับ หลังจากยุคเฟื่องฟูของหลอดก็มาสู่ยุคของทรานซิสเตอร์ ซึ่งข้อดีของทรานซิสเตอร์ที่เห็นได้ชัดคือ เล็กเบา กินไฟน้อยกว่า และเสียงดังกว่า สำหรับทรานซิสเตอร์แล้วการออกแบบให้แอมป์มีกำลังสูงๆระดับ
1000 W. ไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อแอมป์มีกำลังที่สูงขึ้น ข้อจำกัดในการออกแบบลำโพงก็น้อยลง คือไม่ต้อง เน้นเรื่องประสิทธิภาพหรือความไวจนเกินไป เอาแค่พองามก็พอ ดังนั้นการออกแบบลำโพงจะเน้นเรื่อง
ความถี่ตอบสนองที่ราบเรียบมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ลำโพงมีเสียงกลางและแหลมที่เด่นวิศวกรจะเพิ่มมวล ของลำโพงให้สูงขึ้น เมื่อมวลสูงขึ้นการตอบสนองความถี่ต่ำก็ราบเรียบขึ้น ในทางกลับกันการตอบสนอง ความถี่กลางและแหลมจะด้อยลงพร้อมกับประสิทธิภาพของลำโพงที่ด้อยลงดังเช่น ลำโพงทั่วไป
ในปัจจุบันถ้าจะแบ่งตลาดลำโพงในปัจจุบันตามความไวของลำโพง ก็พอแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มดังนี้
กลุ่มความไวต่ำ มีค่าความไวประมาณ 84-88 dB
กลุ่มความไวปานกลาง มีค่าความไวประมาณ 89-92 dB
กลุ่มความไวสูง มีค่าความไวประมาณ 93 dB ขึ้นไป
หากท่านไม่คุ้นเคยหน่วย dB ก็คือความดังของเสียง เมื่อวัดที่ระยะห่าง 1 เมตร และใช้สัญญาณ 1 วัตต์ ป้อนเข้าสู่ลำโพง แล้วหน่วย dB สำคัญอย่างไร สำคัญมากครับลองมาอ่านกันต่อจะทราบเอง มีเครื่องมือ ง่ายๆที่ใช้วัดความดังของเสียงเป็น dB แบบง่ายๆ คล้ายกับที่ตำรวจจราจรใช้ เรียกว่า Sound Pressure Level Meter สามารถหาซื้อได้ที่ร้านนัฐพงษ์ ริมคลองหลอด สามารถใช้วัดความดังและการตอบสนอง ความถี่ของลำโพงได้ มีประโยชน์มากในการ Tune เสียงของห้องฟัง และสำหรับคนที่ชอบออกแบบ Crossover Network ของลำโพงเอง
สิ่งหนึ่งที่เราควรทราบก็คือว่า ความดังโดยเฉลี่ยที่เราฟังเพลงกันนี่ ดังสักขนาดไหน พอจะสรุปตัวเลขแบบคร่าวๆได้ดังนี้ครับ
ฟังเพลงดังพอประมาณ 80-90 dB
ฟังเพลงค่อนข้างดัง 90-100 dB
ฟังเพลงดังมาก >100 dB
การฟังเพลงดังเกินกว่า 100 dB นั้นไม่แนะนำนะครับ เพราะเป็นอันตรายต่อประสาทหู ควรถนอมไว้ฟัง
เพลงเพราะๆดีกว่าครับ นักฟังอีกกลุ่มที่มักฟังเสียงดังมากโดยไม่รู้ตัวคือ นักฟังที่นิยมหูฟัง อันนี้ควรระวัง
มากๆนะครับ ขนาดในดิสโกยังระบุมาเลยไม่ให้เกิน 90 dB ไม่งั้นโดนจับ เรื่องค่าความไวของลำโพงนั้นมีความสำคัญมากกับความดังของเสียงที่ได้จาก ลำโพง ทุก 3 dB ที่ดังเพิ่ม ขึ้นนั้นต้องใช้กำลังจากเครื่องขยายเสียงเป็น 2 เท่าเสมอ ตามสูตร
dB = 10 log (P2/P1)
= 10 log (100W/50W)
= 10 log 2
= 10 x 0.3 = 3 dB เท่านั้นเอง
จากสูตรและตัวอย่างการคำนวณแบบง่ายๆข้างต้น จะพบว่าหากเดิมใช้แอมป์ขนาด 50 W ในการขับลำโพงคู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนแอมป์ให้มีกำลังเพิ่มอีกเท่าตัว เป็น 100 W ปรากฏว่าเสียงที่ได้ยินไม่ได้ดังขึ้นอีกเท่าตัว แต่กลับดังขึ้นเพียง 3 dB เท่านั้น ซึ่งน้อยมาก ท่านที่กำลังอยากจะเปลี่ยนแอมป์ควรพิจารณาข้อนี้ให้ดี เพื่อไม่ให้ผิดหวัง ลองตามมาดูกันต่อครับ สมมุติว่าเราใช้ลำโพงความไว 86 dB กับแอมป์ขนาด 100 W ใน system ชุดแรก ขณะที่ชุดที่ 2 เราใช้ลำโพงฮอร์นความไว 103 dB กับแอมป์หลอดประเภท Single End ขนาด 2 W แล้วเปรียบเทียบดูว่าชุดใด จะให้เสียงได้ดังกว่ากัน
ลำโพงความไว 86 dB ลำโพงความไว 103 dB
1W 86 dB 1W 103 dB
2W 89 dB 2W 106 dB
4W 92 dB 4W 109 dB
8W 95 dB 8W 112 dB
16W 98 dB 16W 115 dB
32W 101 dB
64W 104 dB
100W 106 dB
จากตารางการเปรียบเทียบข้างบน เราจะพบว่าทั้งสองชุดให้เสียงได้ดังที่สุดเท่าๆกัน คือ 106 dB ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่แอมป์ขนาด 100 W ให้เสียงได้ดังเท่ากับ แอมป์หลอด 2 W แต่นี่คือความจริงที่ไม่
อาจปฏิเสธได้ เราจะพบว่าสิ่งที่ตัดสินความดังไม่ได้ขึ้นกับแอมป์แต่ขึ้นกับลำโพงต่างหาก ลำโพงที่มีความไวสูงย่อมให้เสียงได้ดังกว่าลำโพงความไวต่ำและไม่กินวัตต์ เครื่องขยายเสียงก็สามารถทำงานได้แบบ
สบายๆโดยไม่ต้องรับภาระมากนัก เรื่องยังไม่จบง่ายๆครับ เพราะยังพูดถึงคุณสมบัติของลำโพงไม่ครบ ในโลกของความเป็นจริงจากตัวอย่าง เดิม ถ้าลำโพงความไว 86 dB ทนกำลังขับสูงสุดได้ 100 W ส่วนลำโพงความไวสูงทนได้ 16 W แล้วจะเป็นอย่างไร จากตารางการเปรียบเทียบระหว่างกำลังขับและระดับความดังของเสียงด้านบนอีก เช่นเคย พบว่าลำโพงความไว 86 dB ให้ความดังสูงสุดที่ 106 dB ที่อัตราการทนกำลังสูงสุดที่รับได้ ส่วนลำโพง ความไว 103 dB ให้ความดังสูงสุดที่ 115 dB ที่อัตราการทนกำลังสูงสุด เราจะพบว่าลำโพงความไวสูงแต่ทนกำลังได้ต่ำเพียง 16 W กลับให้เสียงที่ดังกว่าลำโพงที่ทนกำลังได้ถึง 100 W ดังนั้นการเลือกกำลังแอมป์และลำโพงที่เหมาะสมจึงเป็นส่วนสำคัญของการเล่น เครื่องเสียง การเลือกแอมป์ให้เหมาะกับลำโพงหรือเลือกลำโพงให้เหมาะกับแอมป์มีผลอย่างมาก ต่อคุณภาพเสียง ตัวแปรที่มักถูกมอง ข้ามคือค่าความไวของลำโพงที่เป็นตัวกำหนดทิศทางของชุดเครื่องเสียงโดยรวม มากกว่ากำลังของแอมป์ที่
ใช้ บทความคงเป็นประโยชน์ในแง่ทิศทางการเล่นเครื่องเสียง การเลือกกำลังขับของแอมป์ที่เหมาะสม ตลอดจนการเลือกค่าความไวของลำโพงที่เหมาะกับ System ในภาพรวม ขอให้มีความสุขในการฟังเพลงและพบกับ System ในฝันของคุณในไม่ช้า
-
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ smileyy
-
ยอดเยี่ยมเลยครับ
-
ขอบคุณความรู้ที่แบ่งปันครับ บรรยายได้ดีเหลือเกิน
-
ไม่มีคำบรรยายครับ [size=4
0pt]<มันซุดยอด> [/size]
-
สุดยอด...
-
นี่คือความรู้ล้วนๆ เยียมจริงๆ ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ
-
สุดยอดจิงๆๆ
-
ขอบคุณครับ กำลังศึกษาอยู่ brow
-
นี้แหละครับ...ที่ผมต้องการ kisss kisss kisss
-
ขอบคุณมือโปรที่มอบความรู้มาให้สาวกเครื่องเสียงครับ
-
ความรู้ดีๆๆทั้งนั้นครับ กำลังหาดอกเสียงกลางที่ไม่กินวัตต์อยู่พอดีครับ ....
-
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณมากครับ kisss
-
ขอบคุณมากครับ
-
ความรู้ทั้งนั้นใครยังไม่ได้อ่านรีบครับ loveit loveit
-
ผมเองก็หลงทางอยู่ตั้งนาน เล่นแต่ไอ้ที่วัตต์สูงๆๆ ขอบคุณมากๆคับ
-
เจ้าบ้านเนี่ยสุดยอดจริงๆ เนื้อหาอ่านก็หนุกดีครับ
-
ได้ความรู้มากครับ สิ่งไม่เคยรู้ก้ได้รู้ครับ ขอให้รวยๆครับ
-
ความรู้ดีๆ ทั้งนั้น ครับ ขอบคุณ
-
เป็นประโยชน์มากๆๆๆๆๆ สำหรับมือใหม่
-
กำลังเลือกแอมป์กับลำโพงอยู่ครับดีมาก
-
smileyy
ขอบคุณมากมายครับ
-
เป็นสุดยอดความรู้คู่กับเว็ป
เราได้เสพศึกษาหาความคำตอบ
ทิกเกอร์เว็ปคนไทยใครใครชอบ
รวมคำตอบรวมสมองของคนไทย
-
ขอบคุณมากครับ smileyy
-
ขอบคุณครับสำหรับความรู้ดีดี smileyy
-
เป็นพระคุณครับที่ให้ข้อคิดที่ผมเองมีความสงสัยอยู่นานแล้วครับ
-
บันทึกไว้ในหัวก่อนครับ อิอิ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีครับ
-
ขอบคุณครับ หลงคิดมานานว่าวัตต์เยอะยิ่งดี
กลับเป็นว่ากินแอมป์ซะงั้น smileyy
-
ขอบคุณครับ ทีแรกผมก็เข้าใจว่าเวลาเลือกดอกลำโพงต้องเอาวัตน์สูงๆๆ ไว้ก่อน ทีนี้จะได้เลือกดอกลำโพงไว้ใช้งานได้ถูกต้องและเหมาะสมกับเพาเวอร์ที่มีครับ
-
ครูเคยโดนเจ้าภาพไล่แล้ว ว่างานโต๊ะจีน 100 โต๊ะ แต่นำลำโพงไปแค่pa C 12 (active)น้ิวกลางแหลมแบบพลาสติก (Normal 98 dB,SPL 132 dB อย่างน้อย driverRack อาจจะส่งได้จริงถึง 105 dB) และ Sub 18 pa C 18 ทรงลูกเต๋า รวมข้างละ 4 ใบ ทำไมถึงดูถูกเจ้าภาพจัง... แต่เลยตามเลยก็ต้องลงเล่น อคติ... ลดลงบ้าง ... บางคนว่า เงินตั้งหมื่น จ้างได้ใหญ่กว่านี้... ปัจจุบันเจ้าภาพนั้นก็ไม่มาหาผมอีกเลย เพราะลูกสาวคนเดียว ก็ต้องแต่ครั้งเดียวใช่ไหม... งานยังเยอะ อยู่ บ้างก็ปฏิเสธ เลยมาหาเพื่อทางทริกเกอร์เพื่อแนะงานคุณภาพให้ลูกค้า... ผมเชื่อว่าคนที่จัดได้ดีกว่าผมมีอีกมาก >
-
ขอบพระคุณครับ หลงประเด็น ไปนานกว่าจะรู้ รู้งี้ตั้งใจเรียนวิชา ฟิสิก ก็ดี
-
ขอบคุณครับได้ความรู้มาอีกแล้วครับ
-
ขอบคูณครับ สำหรับความรู้
-
ความรู้ดีครับ ชอบอ่าน smiley4
-
ขอบคุณมากกับความรู้ดีๆครับ
-
ขอคุณครับ tiggersound smiley4
-
ขอบคุณครับ
-
smiley4 smiley4 smiley4
-
ขอบคุณมากมาย สำหรับความรู้ดีๆครับ smiley4
-
ขอบคุณครับความรู้ทั้งนั้เลย brow
-
ขอบคุณครับ กำลังต้องการความรู้เรื่องนี้เลยครับ เพราะกำลังมองๆ เครื่อง+ลำโพงชุดใหม่อยู่ครับ brow
-
ความรู้เยอะมากครับ
แต่ยังสงสัยอยู่
แล้วดอกที่วัตต์เยอะๆๆๆๆๆ เค้าทำออกมาเพื่ออัดแรงๆๆ หรือว่ายังไงครับ
ยังสงสัย
-
ความรู้เยอะมากครับ
แต่ยังสงสัยอยู่
แล้วดอกที่วัตต์เยอะๆๆๆๆๆ เค้าทำออกมาเพื่ออัดแรงๆๆ หรือว่ายังไงครับ
ยังสงสัย
ขอบคุณสำหรับวิทยาทาน กำลังคิดจะเปลี่ยนเพาเวอร์แอมป์เอากำลังวัตต์แรงๆกว่าเดิม แต่ตอนนี้เมื่อได้รับความรู้แล้ว ก็จะกลับไปทบทวนใหม่ครับ
-
มันก็น่าคิดนะท่าน...ขอบคุณ
-
ขอบคุณครับ
-
อยากรู้เหมือนกันคับแล้วลำโพงที่มีวัตต์เยอะๆมีข้อดีตรงไหนคับ
-
อยากรู้เหมือนกันคับแล้วลำโพงที่มีวัตต์เยอะๆมีข้อดีตรงไหนคับ
-
ขอบคุณสำหรับวิทยาทาน กำลังคิดจะเปลี่ยนดอกลำโพงเอากำลังวัตต์แรงๆกว่าเดิม แต่ตอนนี้เมื่อได้รับความรู้แล้ว ก็จะกลับไปทบทวนใหม่ครับ
-
ขอบคุณครับ