ผมก็เคยโดนครับสภาพนี้ ตั้งเครื่องก็เหนื่อยพออยู่แล้ว เช็คซาวด์เสร็จลงมาตูมใหญ่เลย วิ่งเก็บอุปกรณ์เท่าที่จะเก็บได้ ไอ้ที่เก็บไม่ทันเอาผ้าใบคลุมเอา วิ่งเข้าไปหลบกันในรถ พอฝนซาเดินออกมาดูน้ำครึ่งหน้าแข้งเจ้าประคุณเอ๊ยยย เจ้าภาพบอกย้ายไปเล่นที่ศาลาใหญ่เทศบาล ก็ต้องยอม หลวมตัวไปแล้วนี่ ก็เก็บของขึ้นรถกันตอนนั้นประมาณหกโมงกว่าๆแล้วเก็บของเสร็จประมาณทุ่มครึ่ง ตอนเอารถขึ้นจากนา รถดันตกล่มอีกต้องไปเอาสิบล้ออีกคันมาลาก(ตอนนั้นใช้สิบล้อขน)
สิบล้อสองเพลาลากไม่ขึ้นครับพี่น้อง ทางก็แคบอีกคันก็หวิดจะตกห้วยเอาถ้าดิ้นมากๆ ทำไงหล่ะต้องขนของลงจากรถมาไว้บนถนนก่อน(ตอนนั้นทำไมไม่เอาปิ๊กอัพมาใส่แล้วเอาไปลงเลยนะ คิดไม่ออกสมองมันตันไปหมด)กว่าจะเอารถขึ้นจากนาได้ล่อไปสามทุ่มกว่า ไปตั้งเรียบร้อยประมาณสี่ทุ่ม ลดตู้ลงมาเหลือแค่ซีกละสองเซ็ต โต๊ะแขกเหลืออยู่ประมาณสิบโต๊ะ
ยอมรับเลยงานนั้นเหนื่อยสุดๆจนจำไว้ฝังใจเลย แล้วท่านรู้มั้ยว่าความรู้สึกแรกที่ได้เห็นเวทีเราจมอยู่ใต้ทะเลสาปน้ำจืดไปครึ่งขานั่งร้านเวทีคืออะไร มันเหมือนกับเราสร้างบ้านหรือสร้างตึกเกือบจะเสร็จแล้ว แต่มันดันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตานี่สิ ขามันเหมือนไม่มีกำลังจะยืนต่อเลยครับ