0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ว่าด้วยเรื่องระบบไฟเป็นคำถามที่เจอบ่อยมาก เหมือนจะเป็นปัญหาคลาสสิคไปแล้ว ถ้าจะให้อธิบายต้องสาธยายกันยาวสักหน่อย เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาที่ไปของปัญหานี้ดีกว่า (เครื่องเสียงรถยนต์ ง่ายนิดเดียว...) ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนสำหรับพื้นฐานเรื่องไฟฟ้า คือ1.กระแสไฟ (ค่าเป็นแอมป์ A) กระแสไฟ ก็เปรียบเสมือนปริมาณน้ำที่ไหลผ่านท่อน้ำ ถ้าน้ำไหลผ่านมาก ก็หมายถึงใช้กระแสไฟสูงไงล่ะครับ2.ค่าความต่างศักดิ์ (ค่าเป็นโวลต์ V) อันนี้รู้กันอยู่แล้วว่า ระบบไฟในรถใช้ 12 V ค่าตัวนี้เปรียบเหมือน แรงดันของท่อน้ำครับ ถ้าแรงดันมาก น้ำก็ไหลได้ดี ลองนึกดู ถ้าแรงดัน 14.4 V เสียงที่ได้จากแอมป์ จะดังกว่า แรงดัน 12 V (อ่ะ แน่นอน)3.กำลัง (ค่าเป็นวัตต์ P) ค่าตัวนี้สามารถคำนวนได้จาก P=IV จะเห็นว่าแอมป์ที่ให้กำลังขับมาก ก็จะต้องใช้กระแสสูงตามไปด้วย สำหรับค่าวัตต์นี้ มักจะมีข้อถกเถียงอีกอย่างนึงคือ วัตต์สูงสุด (watt max) หรือวัตต์โม้ วัตต์เฉลี่ย (watt RMS) แล้วยังมีค่าวัดที่ค่าความต้านทานเท่าไรอีก บางคนก็คำนวนวัตร์ด้วยสายตา(เปิดไส้)อะไรก็แล้วแต่โปรดอย่าได้สับสน ผมมีหลักการง่ายๆ ในการเปรียบเทียบวัตต์ของแอมป์ คือ ไม่ควรนำค่าวัตต์สูงสุด มาเป็นค่าเปรียบเทียบกำลังวัตต์ของแอมป์ เพราะวัตต์สูงสุด ไม่สามารถบอกได้ถึงคุณภาพกำลังขับของแอมป์โดยรวมได้อย่างเที่ยงตรง ควรใช้ค่า RMS หรือวัตต์เฉลี่ย ซึ่งเป็นการนำค่ากำลังของเสียงในทุกย่านความถี่มาคำนวนหาค่ากำลังจากแอมป์ และควรเป็นค่าที่อ้างอิงที่ 4 โอมห์ ลำโพง และคำนวนที่ 12 โวลต์ เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน (การแปลงค่าวัตต์ RMS เป็นวัตต์ max ให้เอา 5 คูณครับ)คราวนี้มาทำความเข้าเกี่ยวกับ แบตเตอรี่ ก่อน แบตเตอรี่ที่ติดตั้งในรถยนต์ จะโชว์ค่าโวลต์ที่ 12 V แต่เวลาเราวัดไฟ จะได้ประมาณ13.8V และเมื่อใช่ไปนานๆ ค่าโวลต์จะตกลงเรื่อยๆ บางครั้งเหลือ 11.5 V เมื่อถึงตรงนี้หลายท่านจะเจอปัญหาสตาร์ทรถ ไม่ติด หรือเปิดเครื่องเสียงเวลาเบสลงหนักๆ ไฟหน้าปัดกระพริบวูบวาบ ยังมีค่าที่บอกมากับแบต อีกอันนึงคือ ความสามารถในการจ่ายกระแสไฟ (แอมป์ ฮาว AH) แบต ที่มีขนาดใหญ่จะมีค่าตัวนี้สูงกว่า แบตขนาดเล็ก เช่น 45 AH , 55AH, 65AH , 75AH เป็นต้นค่าตัวนี้หมายถึงความสามารถในการจ่ายกระแสไฟจำนวนมาก (แอมป์ที่กำลังวัตต์สูงๆ จะต้องการกระแสไฟในปริมาณที่สูงด้วย) ทีนี้ปัญหาของแบตเตอรี่ก็คือว่าเมื่อเราใช้งานไปเรื่อยๆ(โดยทั่วไป 1-2ปีแบตจะเสื่อม) ความสามารถในการบรรจุกระแสไฟ หรือการจ่ายแอมป์จะน้อยลงเรื่อย โดยค่าความต่างศักย์ โวลต์ จะลดลง จนถึงจุดที่วันนึงเราสตาร์ทรถไม่ติด เพราะไดสตาร์ทต้องการปริมาณกระแสไฟและ แรงดันไฟค่อนข้างมาก เมื่อแบตจ่ายให้ไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนแบตใหม่(เรื่องของแบตเอาไว้แค่นี้ล่ะกัน)ไดชาร์ท หลายคนก็คงรู้จัก มันก็คือไดนาโมนี่เอง หรือตัวที่ทำหน้าที่บั่นกระแสไฟ เพื่อจ่ายให้ระบบ (รวมถึงวิทยุ กับแอมป์ที่เราใช้เล่นเครื่องเสียงด้วย) ส่วนที่เหลือจากการใช้จะถูกนำมาชาร์ตแบตครับโดยปรกติ ถ้าเราไมได้ลงเครื่องเสียงในรถ ไดชาร์ทจะมีปริมาณกระแสไฟ ที่เหลือจากการใช้ของรถ ประมาณ 5-15 แอมป์แล้วแต่รุ่นรถ ในปริมาณขนาดนี้ ก็เพียงพอกับการติดตั้งแอมป์ 4 แชนแนล 1 ตัวขนาด 75x4 วัตต์ เปิดดังกระหึ่มในรถ โดยที่ไม่ส่งผลกับแบตแม้แต่นิดเดียวครับทีนี้ไดชาร์ท รถก็มีอายุการใช้งานครับ เมื่อใช้ไฟนานๆ เช่น 5 ปีผ่านไป ความสามารถในการจ่ายไฟจะลดน้อยลง ดังนั้นถ้าเรามีแอมป์สักสองตัวเปิดดังๆ แอมป์จะดึงกระแสไฟจากแบตแทน เปรียบแบต เหมือนถังน้ำ ถ้าปริมาณการใช้น้ำมาก แต่น้ำเติมเข้ามาในถังน้อย ปริมาณน้ำในถังจะลดลงเรื่อยๆ (อ๋อ ถึงว่าซิรถเครื่องเสียงต้องมีไดร์หลายตัว) หลายคนคงเคยเจออาการ อยุ่ๆ แอมป์ก็ปิดตัวเองไปดื้อๆ เดี๋ยวก็ติดขึ้นมาใหม่ นั้นแหละอาการแบตหมดมาเยือนสายแบตเตอรี่ เปรียบเสมือนท่อน้ำ ลองคิดดูจะเกิดอะไรขึ้น ถ้า อพาร์ทเมนท์ทั้งหลัง อาบน้ำพร้อมกัน 100 ห้อง แต่ท่อที่ต่อจากถังน้ำขนาด แค่ครึ่งนิ้ว"" ทำไมพี่ไม่เผื่อเอาไว้สัก 3-5 นิ้วไปเลยล่ะ ฉันใดก็ฉันนั้น หมองูตายเพราะงู จบข่าว!!! สายแบตเตอรี่ที่มีขายกันในบ้านเรา และฝรั่งแนะนำให้ใช้ก็มีขนาดดังนี้0 AWG ขนาด ประมาณ 40 sq.mm2 สำหรับ แอมป์ 4 ch ตัวใหญ่ กับ 2 ch ขับซับ4 AWG ขนาด ประมาณ 20 sq.mm2 สำหรับ แอมป์ 4 ch ตัวใหญ่ หรือ 5 ch8 AWG ขนาด ประมาณ 10 sq.mm2 สำหรับ แอมป์ 4 ch ตัวเล็กแต่นี่มันเมืองไทย ร้านเครื่องเสียงบ้านๆ มักขี้เหนียว เคยเห็นใส่สายแบตขนาด 6 sq.mm2 กับแอมป์ 4 ch ตัวใหญ่ ให้ลูกค้า คือมันก็ใช้ได้นะครับไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อไรที่คุณเร่งกำลังจากแอมป์ให้สูงมากๆ หรือเปิดดังมากๆ จะเกิดปัญหาทันที คือไฟวิ่งไม่พอและอาจเสียของรักมากยิ่งกว่าเมียไปถึงขนาดซ่อมไม่ได้กันเลยทีเดียวสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือตัวเจ้าปัญหา แอมป์(เครื่องขยายเสียง)!!นั้นเอง ถามหน่อยเถอะ ช่างหลายคนในร้านใหญ่ๆ หลายร้าน ติดตั้งเครื่องเสียงมาเป็น 10 ปี ยังไม่รู้เลยว่าการกินกระแสไฟของแอมป์ทำงานยังไง ถ้าไปถามช่างเขาอาจตอบคุณว่า อ๋อ แอมป์รุ่นเนี้ย 4x60 วัตต์ วัตต์max 600 วัตต์ แล้วมันกินกระแสไฟยังไงครับพี่ เอ่อ...ก็...กินไม่เยอะครับ โอ้ย แค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก เค๊าเล่นกัน 3 ตัว ยังไม่เป็นไรเลย.... ผมทำมาเย๊อะแล้วเอาอยู่ (อันนี้ก็คือรู้จริงๆ ตอบตามประสบการณ์ช่างเค๊าน่ะ) ผมไม่ได้ว่า แต่ก็แล้วแต่ประสปการของใครของมัน ไม่ได้คิดจะดูถูกช่าง แต่บางร้านเป็นอย่างนี้จริงๆครับความจริงก็คือว่า แอมป์จะมีค่าการกินไฟขั้นต่ำ (Idle Current) ค่าหนึ่ง ในคู่มือแอมป์จะบอกไว้ เช่น แอมป์ 600 w RMS จะมีค่ากินไฟขั้นต่ำ 3 A เป็นต้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เปิดโวล่มเสียงให้ดังขึ้นเรื่อยๆ แอมป์ตัวนี้จะกินกระแสไฟมากๆ ตามเสียงที่ดังขึ้น อาจสูงถึง 50 A โอ้..โห๋ ...หลายคนอาจตกใจ อย่างนี้ไดชาร์ตก็จ่ายไฟให้ไม่พอสิ แอมป์ตัวเดียวเนี่ย... ไม่ต้องตกใจครับ มันเป็นค่าสูงสุดเท่านั้นและส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงที่เบสลงหนักๆ (ความถี่ต่ำๆ) เป็นช่วงเสี้ยววินาทีเท่านั้น แต่เฉลี่ยแล้ว จะกินกระแส 5-10 แอมป์ พูดมาถึงตรงนี้หลายคนคนร้องอ๋อกันแล้วว่า มิน่าล่ะถึงต้องมีตัวจ่ายไฟ (คาปาซิเตอร์)จะแบบแท่ง หรือจะแบบอะไรก็แล้วแต่ 1 F ,1.5F, 2.0F แล้วแต่ศรัทธา มาช่วยในการจ่ายกระแสไฟให้กับแอมป์ โดยเฉพาะแอมป์ขับซับเพราะจะหวังพึ่งปริมาณกระแสไฟจากแบตเตอรี่คงไม่ทันท่วงที (เพิ่มเติมนิดนึง คาปา ไม่ใช่แบตนะครับ มันทำหน้าที่เหมือนถังไนตรัสที่ใช้ในรถแข่งกดปู้ดเดียว รถคุณจะพุ่งปรี๊ด แต่ไม่สามารถพุ่งได้ตลอดไป ต้องอาศัยแบตอยู่ดี ที่บอกว่าเก็บไฟดี ลืมไปเถอะ ยังไงก็ดีไม่เท่าแบต คาปาคือน้องรองเมื่อเราเข้าใจพื้นฐานของแหล่งพลังงานที่ป้อนให้เครื่องเสียงแล้วก็ไม่ยากที่จะอธิบายปัญหาต่างๆ แต่ต้องขอบอกก่อนนะครับว่า ส่วนใหญ่ปัญหาเรื่องระบบไฟ มักเกิดกับคนที่เริ่มมีซับเป็นของตัวเอง(อันที่จริงไม่น่าเรียกว่ามีซับน่ะเพราะต้องเสียทรัพย์ไปเยอะ) ส่วนใครเล่นวิทยุ ขับคู่หน้า หลัง 6คูณ9 หรือมีแอมป์มาขับอีกซักตัว อย่าเพิ่งวิตกจริตครับ กลับบ้านไปดูดนมดีกว่า ตราบใดที่ยังไม่มีซับเป็นของตัวเอง5555สรุปได้ว่าการมีแอมป์หลายตัวบางคนมี 6 ตัว ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนแบตหรือเพิ่มไดร์ชาร์จ เลย เพราะเขาอาจฟังไม่ดังมาก (ฟังสบายๆในรถ) และไม่ได้เปิด ซับตูมตาม เพราะทุกวันนี้รถรุ่นใหม่ๆ ไดร์ก็แรงดี ในทางกลับกันคนที่มีแอมป์แค่ 2 ตัว แต่ทั้งบริดส์ ทั้งโหลดลำโพง (2โอห์ม) อัดซับกันเต็มที่ เปิดเพลงก็แนว dance เรียกว่าเปิดให้ดังฟังทั้งซอย อย่างนี้อาจต้องเพิ่มแบตอีก 2 ลูก เปลี่ยนไดให้ใหญ่ขึ้นถึงจะเอาอยู่ ปัญหาที่ตามมาแบตจะเสี่อมเร็วกว่าปรกติด้วย เช่น เมื่อก่อนเคยเปลี่ยนที่2 ปี อาจเหลือ 6 เดือน เมื่อก่อนรถผมไม่มีระบบอะไรเลย แบตผมใช้ได้5ปีกว่าเชียวนะ55555ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ อยากแรงไม่ต้องกลัวพัง อยากดังไม่ต้องกลัวแพง อ้อ ไม่ควรเอาแบตลูกหลักมาจ่ายไฟให้กับระบบมากเกินไปเช่นแอมป์คราสดีควรต่อจากแบตลูกที่สองครับ แก้ปัญหาการไฟกระพริบไฟตกได้ในระดับเยี่ยมเลยทีเดียว