เขาทำชื่อตัวย่อโก้ๆไว้งั้นแระ .. เขียว Signal status , แดง Peak Clip แปลบๆพอทนถ้าแดงโร่ดอกไม่นานไป
ของต้นฉบับมงกุด IOC = input output comparator ,ODEP = output device emulate protection
ตามที่ช่างแอ๊ดพูดเลย มันฮิตในหมู่แอมป์ทั่วไปแล้วทั้งแสดงผลจริงและไม่จริงเพราะบางเจ้าเล่นตัดเอายอดพีคของ VU มาแสดงผลซึ่งจริงๆแล้วอาจจะไม่พีค แต่ VU พีคก่อนซึ่งยอดคลื่นเสียงจริงๆก็ยังไม่ถูกตัดแต่สัญญาณเสียงเข้า VU ไม่ตรงตวามจริงเพราะ VUมีความไวมากหลอดไฟแสดงสถานะพีคเลยทำงานก่อนซึ่งกรณีนี้ไม่น่ากลัวเท่าไรเพราะยังไงๆเจ้าของเครื่องต้องลดๆสัญญาณไว้ก่อน(ถ้ารู้)
แต่ถ้าเจอบางเครื่องที่ต่อให้ VU มีความไวน้อยนี่สิ(ใช้วงจรลดทอนสัญาณเข้า VU มากคงเพื่อให้เห็นว่าไฟขึ้นนิดเดียวแต่ดังมากแล้ว) อันตรายเราไม่ทราบเลยว่าแอมป์พีค นี่ล่ะตัวเผาลำโพง(แล้วหาว่าแอมป์แรงจนทำให้ลำโพงไหม้ อิอิอิ)
ตัวจัดการเรื่องการแสดงผลพีคของแอมป์ที่ดีว่าพีคหรือไม่นั้นการทำงานของมันคือจับรูปคลื่นเสียงที่ออกมาว่ามีการตัดยอดหรือไม่ ไม่ใช่ จับว่าสัญญาณออกมาแรงเกินไป(ซึ่งบางทีสัญญาณก็ไม่ได้ขลิบ) อันนี้ไม่ถูก เพราะหลอด LED ที่ต่อไว้มันแสดงผลได้ทั้งไฟตรง(ถูกขั้ว)และไฟสลับ(สำหรับสัญญาณเสียงไม่ต้องกลับขั้วก็ติด)แต่ถ้าจะต่อให้แสดงผลแบบธรรมดาว่าคลิปหรือไม่ก็ต้องใช้สโคปจับ ว่ายอดสัญาณถูกตัดแล้วควรจะให้หลอดไฟแสดงผลทำงาน แต่อันนี้ก็อันตรายเหมือนกันเพราะมันจะแสดงเฉพาะสถานะของแอมป์เท่านั้น แต่ถ้าคลิปมาจากต้นทางก็ต้องระวัง เพราะแอมป์มันจะนำสัญาณที่คลิปมาขยายอีกทีซึ่งสัญญาณที่ว่าคือไฟตรงนั่นเอง ซึ่งคุณลักษณะของแอมป์ทั่วๆไปเดี๋ยวนี้ก็สามารถขยายสัญญาณแม้กระทั่งไฟตรงได้อยู่แล้วโดยที่วงจรโปรเทคทำงานไม่ทันทำให้มีไฟตรงเข้าลำโพงเต็มๆทั้งที่ไฟหน้าเครื่องยังไม่แสดงอาการพีค อนึ่งเรื่องจริงของลำโพงคือมันมีความต้านทานไฟสลับสูงแต่ไฟตรงต่ำ
ผมเคยลองเอาไฟบ้าน 220V ต่อเข้าลำโพงตรงๆ(เพราะลืม) ผลเสียงออกลำโพงอย่างแรงแต่ไม่ไหม้ แต่ลูกน้องเอาแบต 12 โวล์ทต่อเข้าลองดูแช่ยังไม่ นานผล ว๊อยไหม้ดำปี๋เลย