เท่าที่อ่านดูกระทู้นี้น่าจะพูดถึงเรื่องSensitivityเป็นส่วนใหญ่
นับเป็นความรู้ที่มีประโยชน์มากครับ
ผมขออนุญาตเสริมอีกนิดนึงครับ
ลำโพงที่มีSensitivityสูง จะมีความดังสูงด้วยแน่นอนครับ ตามสูตรหาSPL=10LogW+Sensitivity คือพูดง่ายๆ เพิ่มกำลังวัตต์มากอีกเท่านึงได้มา3dB สู้หาSensitivityให้มากกว่า3dBดีกว่ามั๊ย ไม่เปลืองกำลังวัตต์ด้วย
ทีนี้เวลาซื้อลำโพง ก็เลือกกันแต่Sensitivityสูงๆ เพื่อให้ได้ความดังเยอะๆ
แต่ การดูSensitivityอย่างเดียวไม่ถูกต้องนะครับ สิ่งที่สำคัญเลยคือFrequency Rangeครับ
ผมยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ
สมมุติถ้าจะเลือกลำโพง15"มาทำ3ทางเป็นกลางทุ้ม จะเลือกลำโพงไหนให้ดังกว่ากัน
ระหว่าง
ลำโพงA กำลัง500w, Sensitivity97, Frequency range 40Hz-1.5KHz
ลำโพงB กำลัง500w, Sensitivity100, Frequency range 60Hz-3KHz
ถ้าเอาตามทษฎี สูตรคำนวณหาSPL ตอบได้เลยครับว่าลำโพงBดังกว่าแน่นอน
แต่ เชื่อมั๊ยครับว่าในความเป็นจริงลำโพงAดังกว่าครับ
Sensitivityเป็นค่าช่วงที่ลำโพง ตอบสนองช่วงความถี่นั้นๆได้ดี ในโจทย์ข้อนี้ก็คือ ลำโพงAจะโดดเด่นช่วงเสียงย่าน "อ้า โอ้ อู้" ส่วนลำโพงB จะโดดเด่นช่วงเสียงย่าน "แอ้ เอ้ อ้า" ฉะนั้น ข้อนี้ตอบได้เลยครับว่าลำโพงA Sensitivity97dB ดังกว่าลำโพงB Sensitivity100dBครับ เพราะจากโจทย์ต้องการทำเสียงกลางทุ้ม ซึ่งลำโพงB Sensitivityสูงก็จริง แต่มันไม่ทำงานช่วงนั้นเลยอ่ะครับ และในความเป็นจริงลำโพงย่านความถี่สูงจะมีSensitivityที่สูงตามด้วย
ดังนั้น การดูFrequency rangeสำคัญมากครับ หากดูCurveไม่เป็น ให้สอบถามผู้ขายเลยครับ โดยส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะแยกประของลำโพงให้แล้ว เช่น W,LF หรือ LF,ELFเป็นต้น
จากส่วนตัวผมเคยพลาดโจทย์นี้มาแล้วครับ เลือกSensitivityสูงเข้าว่า เศร้าเลย เสียงไม่หนา ไม่โปร่งเลยครับ