มาปลูกคนละต้น 2 ต้น เพื่อช่วยลดโลกร้อน
แถมยังมีรสชาติดีหวานอร่อยอีกต่างหากครับ
(http://upic.me/i/c6/4ftrp.jpg)
ไผ่กิมซุงไผ่ชนิดนี้ มีข้อดีและข้อเด่นหลายอย่าง คือ เป็นสายพันธุ์ที่ให้หน่อดก หรือหน่อมากกว่า ไผ่ที่ปลูกกินหน่อและเก็บหน่อขายสายพันธุ์อื่น แม้กระทั่งในช่วงฤดูแล้งที่ไผ่ปลูกกินหน่อทั่วไปจะไม่มีหน่อ แต่ ไผ่กิมซุง
กลับแทงหน่อขึ้นมาให้ผู้ปลูกได้เก็บรับประทานหรือเก็บขายได้อย่าง ไม่ขาดระยะ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ไผ่ตงลืมแล้ง
ไผ่กิมซุง อยู่ในวงศ์ GRAMINEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับไผ่ตงทั่วไป คือ ต้นจะขึ้นเป็นกอ มีพูพอน ลำต้นตั้งตรง ข้อปล้องยาวพอดี เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นประมาณ 4-5 นิ้วฟุต เนื้อลำต้นหนา เยื่อสีขาวในข้อปล้องหนา
จึงเหมาะที่จะนำไปทำข้าวหลามได้ดีมาก ลำต้นยังแปรรูปทำเฟอร์นิเจอร์ และใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกมากมาย
หน่อ มีขนาดใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง 4-5 กิโลกรัม ต่อ 1 หน่อ ปัจจุบันมีผู้ปลูกเก็บหน่อขายในช่วงฤดูกาลที่แทงหน่อตามธรรมชาติมีราคาอยู่ระหว่าง กิโลกรัมละ 20-40 บาท หากเป็นหน่อที่แทงขึ้นในช่วงฤดูแล้งจะมีราคาอีกระดับหนึ่ง
รสชาติของหน่อจะออกหวานกรอบเจือขมและขื่นเล็กน้อย นิยมเอาไปปรุงเป็นอาหารหลากหลายรูปแบบ เช่น แกงจืด และแกงหน่อไม้ โดยก่อนปรุงเป็นอาหารต้องต้มกับน้ำเดือดเทน้ำทิ้งครั้งเดียวจะมีรสชาติหวานกรอบอร่อยมาก
ใคร ต้องการต้นพันธุ์ไผ่กิมซุง มีขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ แผง คุณภิญโญ ตรงกันข้ามโครงการ 13 หรือที่ งานเกษตรแฟร์ ม.เกษตรฯ บางเขน กทม.เวลานี้จนถึงวันที่ 7 มิ.ย.55 โซน H, 2728 ราคาสอบถามกันเอง
ส่วนการปลูก จะให้ผลผลิตหลังปลูก 9 เดือน ดูแลใส่ปุ๋ยคอกปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 10-20 กิโลกรัม เมื่อต้นไผ่มีอายุได้ 1 ปีขึ้นไป ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 25-7-7 สองเดือนครั้ง จะทำให้มีหน่อแทงขึ้นมาจำนวนมาก และสามารถมีหน่อได้ในช่วงฤดูแล้งด้วย
ดังนั้น ไผ่กิมซุง จึงเหมาะที่จะปลูกเก็บหน่อรับประทานและเก็บหน่อขายได้คุ้มค่าอีกชนิดหนึ่ง
ที่มา:
http://www.thairath.co.th/column/edu/paperagriculturist/265679