Tigger Sound

ห้องสมุด คลังความรู้ต่างๆ ในแวดวงเครื่องเสียง
=> ห้องสมุด ทิกเกอร์ซาวด์ เครื่องเสียง ตู้ลำโพง ระบบเสียง แสงสี และอุปกรณ์อื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: p.rin101 ที่ กรกฎาคม 29, 2011, 09:58:22 am

หัวข้อ: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: p.rin101 ที่ กรกฎาคม 29, 2011, 09:58:22 am
พี่ไปเจอมาเลยเอาให้พี่น้องจะได้รู้
CLASS A

การจัดวงจรภาคขยายแบบนี้ จะมีการไบอัสกระแสให้กับทราสซิสเตอร์อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณมาให้ขยาย ตัวทรานซิสเตอร์ก็ยังจะจต้องมีปริมาณกระแสไหลผ่านในปริมาณค่อนข้างสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตัวเครื่องของแอมป์คลาส A จะมีความร้อนสูงกว่าการจัดวงจรแบบคลาสอื่น ๆ ข้อดีก็อาจจะมีตรงที่ค่าความเพี้ยนต่าง ๆ จะมีต่ำกว่าวงจรแบบอื่น ๆ และแอมป์คลาส A มักจะทำให้มีกำลังขับได้ไม่สูงนัก ถ้าผลิตแอมป์คลาส A ที่มีกำลังขับสูง ๆ ตัวเครื่องและส่วนของแผงระบายความร้อนจะต้องมีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก

CLASS B

เป็นการจัดวงจรที่ต่างจากคลาส A โดยสิ้นเชิง คือเมื่อไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามา ก็จะไม่มีกระแสไหลผ่านทรานซิสเตอร์ จะมีกระแสไหลผ่านได้ก็ต่อเมื่อมีสัญญาณอินพุทเข้ามาเท่านั้น แอมป์คลาส B มักจะมีค่าความเพี้ยนสูงมาก แต่มันมีข้อดีที่จะทำเป็นแอมป์กำลังขับสูง ๆ ได้ ปัจจุบันไม่มีแอมป์คลาส B แท้ ๆ อีกแล้ว เนื่องจากคุณภาพเสียงไม่เป็นที่น่าพอใจ

CLASS AB

แอมปลิไฟร์หรือเพาเวอร์แอมป์ซึ่งเป็นที่นิยมที่สุดในปัจจุบัน การออกแบบจะนำข้อดีของแอมป์ทั้งคลาส A และคลาส B มาผสมผสานกัน คือ มีการปล่อยให้มีกระแสปริมาณน้อย ๆ ผ่านทรานซิสเตอร์จำนวนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามาเลย การทำงานปิดเปิดก็จะเป็นไปตามสัญญาณอินพุททั่วไป เพียงแต่ว่าวงจรนี้ จะไม่มีการ OFF ของกระแสทั้งหมด แม้ว่าจะไม่มีอินพุทเข้ามา

คุณสมบัติของเพาเวอร์แอมป์ที่ดีนั้นไม่อาจจะสรุปได้โดยง่าย ในแง่ของเทคนิคพื้นฐานที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เป็นเพียงพื้นฐานที่ท่านผู้อ่านควรทราบไว้บ้าง เพื่อจะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแอมปลิไฟร์เออร์ แต่ถ้าพิเคราะห์กันถึงวิธีการเลือกซื้อแล้ว เรามักจะจัดให้เพาเวอร์แอมป์ได้มีโอกาสจับคู่กับปรีแอมป์ แล้วทำงานขับลำโพงจริง ๆ เพื่อฟังผลของคุณภาพเสียง มากกว่าการพิจารณาคุณสมบัติของเพาเวอร์แอมป์เพียงเครื่องเดียว

CLASS D

ตัว "D"ไม่ได้ย่อมาจากคำว่า DIGITAL อินพุทถูกแปลงเป็นออดิโอ เวฟฟอร์ม ไบนารี 2 สเตท ความแตกต่างเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ CLASS D ออกแบบให้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ แทนที่จะต้องเสียกำลังไปในทรานซิสเตอร์ เอาท์พุทก็จะถูกไม่เปิดตลอด ไม่มีโวลเทจเสีย ก็ปิดตลอด ส่งผลให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ดังนั้นอินพุทออดิโอถูกแปลงเป็น PWM (PULSE WIDULATED) ร่องสีเหลืองที่อยู่ขางใต้คือ เอาท์พุทของแอมพ์ ร่องสีฟ้าคือ เวฟฟอร์ม PWM เวฟฟอร์มสีฟ้าจะถูกป้อนให้กับฟิลเตอร์เอาท์พุท ซึ่งให้ผลเป็นเวฟฟอร์มเอาท์พุทสีเหลือง สังเกตว่า เอาท์พุทจะดูเหมือนอะไรบางอย่างที่เสียไปสัญญาณที่เสีย และเสียงสวิทชิงทั้งหมดไม่สามารถเอาออกไปได้ และจะเห็นผลได้ที่นี่ เพราะขั้นตอนการแปลงสัญญาณอินพุทไปเป็น pwn และแปลงกลับไปเป็นแอนาลอก ทำให้เกิดการเสียของสัญญาณไป ฟีดแบคทั่วไปก็เหมือนกับที่ใช้ในการออกแบบแอมพ์ CLASS "AB" เพื่อลดการเสียของสัญญาณ มอสเฟทเป็นทางเลือกเดียวสำหรับการออกแบบ CLASS "D" ซึ่งการออกแบบส่วนใหญ่จะมีประโยชน์แต่กับเพียงเบสส์แอมพ์ เมื่อมันไม่สามารถสวิทช์ได้เร็วเพียงพอ กับการผลิตความถี่สูงอีกครั้ง การออกแบบ CLASS "D" ฟลูล์เรนจ์คุณภาพสูงยังคงหาได้ ในเครื่องเสียงระดับมืออาชีพ แต่มันจะซับซ้อนกับเอาท์พุทมัลทิเฟล

CLASS T

CLASS T (TRIPATH) เหมือนกับ CLASS D แต่ไม่ใช้ฟีดแบค แอนาลอก เหมือนกับ CLASS D ฟีดแบคจะเป็นสัญญาณดิจิทอล และเกิดกับส่วนบนของฟิลเตอร์เอาท์พุท เพื่อหลีกเลี่ยงการยกเฟสของฟิลเตอร์นี้เพราะการเสียของสัญญาณในแอมพ์ CLASS D และ CLASS T เกิดขึ้นจากไทมิงทำงานผิดจังหวะ แอมพ์ CLASS T จะป้อนข้อมูลในเรื่องจังหวะกลับไป ส่วนการเสียของสัญญาณ ยังเกิดจากที่เเอมพ์ใช้ตัวประมวลผลสัญญาณดิจิทอล เพื่อแปลงอินพุท แอนาลอกไปเป็นสัญญาณ PWM และประมวลผลข้อมูลก่อนจะส่งกลับ

การประมวลผล จะดูที่ข้อมูลฟีดแบค และทำการปรับแต่งจังหวะ เพราะลูพฟีดแบคไม่ได้รวมฟิลเตอร์เอาท์พุทเอาไว้ด้วย ในแอมพ์ CLASS T มั่นคงมาก และสามารถทำงานได้เต็มช่องสัญญาณเสียง ซึ่งผู้ฟังส่วนใหญ่ไม่สามารถได้ยินความแตกต่างระหว่าง CLASS T และ CLASS AB ที่ออกแบบดีๆได้

การออกแบบทั้ง CLASS Dและ CLASS T ต่างก็มีปัญหากันคนละอย่าง มันเกินกำลังมาก ที่รอบต่ำเพราะเวฟฟอร์มความถี่สูงๆ จะเกิดขึ้นตลอดเวลาแม้ในช่วงที่ไม่มีสัญญาณเสียงแอมพ์ก็ยีงมีความร้อนตกค้างหลงเหลืออยู่แอมพ์บางรุ่นจะมีการตัดการทำงานของเครื่องเมื่อหยุดพักใช้งาน และจะกลับมาทำงานใหม่ เมื่อใช้งานโดยอัตโนมัติ

CLASS G

CLASS G เพิ่มประสิทธิภาพขึ้นมาอีกขั้นธรรมดาแอมพ์ CLASS AB จะขับโดยเพาเวอร์ซัยพลาย MULTI-RAIL แอมพ์ 500 วัตต์ อาจจะมี POSITIVE RAIL 3 และ NEGATIVE RAIL 3 ซึ่ง RAIL VOLTAGES อาจจะเป็น 70,50,25 โวลท์เมื่อเอาท์พุทของแอมพ์ขยับไปใกล้ 25 โวลท์ ซัพพลายก็จะสวิทช์ให้ RAIL 50 โวลท์ และเมื่อเอาท์พุทขยับเข้าไปใกล้ 50 VOLT RAIL ซัพพลายก็จะสวิทช์ไปยัง RAIL 70 โวลท์ บางครั้งเรียกการออกแบบนี้ว่า RAIL SWITCH

การออกแบบนี้ เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยลดการสูญเสียโวลเทจกับทรานซิลเตอร์เอาท์พุทโวลเทจนี้ เป็นความแตกต่างระหว่างซัพพลายบวก หรือแดง กับเอาท์พุทออดิโอ สีฟ้า CLASS G มีประสิทธิภาพเทียบเท่า CLASS D หรือ CLASS T ในขณะที่การออกแบบ CLASS G มีความสลับซับซ้อนมาก โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานแอมพ์ CLASS AB และมีคุณลักษณะใกล้เคียงกันมาก

CLASS H

CLASS H มีความคล้ายกับ CLASS G ยกเว้น RAIL VOLTAGE ที่โมดูเลทสัญญาณอินพุทเท่านั้น ที่ไม่มีเพาเวอร์ซัพพลาย RAIL จะสูงกว่าสัญญาณเอาท์พุทเล็กน้อย ปล่อยโวลเทจให้กับทรานซิสเตอร์ตัวเล็ก และระบายความร้อนทรานซิสเตอร์เอาท์พุท วงจรที่คล้ายกับที่ใช้ในแอมพ์ CLASS D นี้ก็คือ มีโมดูเลทเพาเวอร์ซัพพลาย RAIL ที่เหมือนกัน ในส่วนของความสลับซับซ้อนแอมพ์แบบนี้ มีความเหมือนกับแอมพ์ CLASS D แต่ทำงานได้เหมือนกับแอมพ์ CLASS AB


1. Class A พาวเวอร์แอมป์ชนิดนี้เน้นในเรื่องของคุณภาพเสียง ค่าความเพี้ยนตํ่า และเสียงรบกวนน้อย แต่มีข้อเสียในเรื่องของความร้อนที่ค่อนข้างจะสูงเพราะมีการป้อนกระแสไฟให้ทรานซิสเตอร์อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามาก็ตาม และกำลังขับที่ได้นั้นก็ค่อนข้างจะน้อย แอมป์ประเภทนี้จึงเหมาะกับนักฟังที่เน้นรายละเอียดของเสียงกลาง-แหลม ไม่เน้นอัดตูมตาม

2. Class B เป็นการใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว ทำงานแบบ Push-Pull หรือ ผลัก ดัน ช่วยกันทำงานคนละครึ่งทาง และจะไม่มีการป้อนกระแสไฟล่วงหน้า ซึ่งมีข้อดีคือเครื่องไม่ร้อน แต่ข้อเสียกลับมากกว่าเพราะความผิดเพี้ยนสูงมาก เสียงจึงไม่มีคุณภาพ แต่ในปัจจุบันแอมป์ คลาสนี้คงจะไม่มีแล้ว

3. Class AB เป็นการรวมตัวกันของแอมป์ทั้ง 2คลาสที่กล่าวมา คือใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว แต่จะมีการป้อนกระแสไฟปริมาณตํ่าๆเอาไว้ล่วงหน้าอยู่ตลอดแต่จะไม่มากเท่าคลาส A และการจัดวงจรก็ใช้แบบ Push-Pull เหมือนคลาส B จึงทำให้พาวเวอร์แอมป์ประเภทนี้มีคุณภาพเสียงที่ค่อนข้างดี ถึงแม้จะไม่เท่าคลาส A แต่ได้เปรียบในเรื่องของกำลังขับที่มากกว่า และเกิดความร้อนน้อยกว่า และคลาส AB นี้แหละเป็นแอมป์ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และสามารถนำไปขับได้ทั้งลำโพงกลาง-แหลม หรือแม้แต่ซับวูเฟอร์ก็ได้

4. Class D เป็นพาวเวอร์แอมป์กำลังขับสูง เน้นหนักในเรื่องพละกำลัง แอมป์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับขับซับโดยเฉพาะ เหมาะกับพวกที่ชอบฟังเพลงหนักๆ เน้นพลังเบส กระแทก
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: ช่างแอ้ด™ ที่ กรกฎาคม 29, 2011, 12:42:54 pm
แล้วนี่มาจากไหนล่ะครับพี่  เดียวเจ้าของเค้าผ่านมาเจอจะน้อยใจ เครดิตหน่อยน๊า ...ฮือฮือ แซวๆ sinister

...ตามนั้น
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: tyw ที่ ตุลาคม 01, 2011, 05:03:25 pm
ถ้าเอาเสียงปิ๊งๆ คงต้องคลาส A หรือ AB+B กราวด์บริดจ์อย่างคราวน์  คลาสA ต้นทุนสูงถ้าใช้งานพีเอคงขับมอนิเตอร์..สเตจ , ไซด์ฟิลด์ 50-200W เอาท์พุตจะได้กำลัง 25W/คู่  ต้องการกระแสเยอะต้องออกแบบภาคจ่ายไฟดีๆด้วย...หม้อแปลงใหญ่ คาปาฟิลเตอร์เป็นตับๆ ถ้าต้องการ 2-300W
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: big1214 ที่ ตุลาคม 01, 2011, 07:31:55 pm
ความรู้ทั้งนั้นเลย ขออณุญาตเซฟไว้อ่านครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: WaVe ★★ ที่ ตุลาคม 01, 2011, 07:56:47 pm
สุดยอดเลยครับ ความรู้มากมายเลยครับ  smiley4 smiley4
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: รจนา มิวสิค ที่ ตุลาคม 01, 2011, 08:13:18 pm
แจ่มเลยคับสําหรับความรู้  smiley4ที่ไม่เคยรู้มาก่อน
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒนา อุบล ที่ ตุลาคม 02, 2011, 08:07:44 am
ความรู้มาอีกแล้ว  ท่านประธานเอามาเอง คิดเอง ทำเอง ไม่ต้องใช้เรฟเฟอเรน 555 ขอบคุณครับ smiley4
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: mymac101 ที่ ตุลาคม 22, 2011, 12:29:34 am
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: เอ หนองแค ที่ ตุลาคม 27, 2011, 12:42:18 pm
อยากรู้มานานแล้ว ขอขอบคุญมากๆครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: GUITAR. ที่ พฤศจิกายน 02, 2011, 05:32:01 pm
มาสะสมความรู้ครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: ต๋อง เมืองแป๊ะ ที่ พฤศจิกายน 02, 2011, 06:50:48 pm
ขอบคุณครับผม
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: apple23 ที่ พฤศจิกายน 17, 2011, 01:51:24 pm
ขอบคุณครับ มีความรู้เพิ่มขึ้นเยอะครับ   smiley4
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: PK MUSIC&SOUND ที่ พฤศจิกายน 17, 2011, 01:52:36 pm
 smiley4 ขอบคุณ ครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: wuttikorn ที่ พฤศจิกายน 19, 2011, 11:54:50 am
ความรู้คู่ความสุข ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: DeXSeR ที่ มีนาคม 26, 2012, 02:45:37 pm
ไม่อะไรให้นอกจากคำว่าขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: NPS Audio ที่ กันยายน 18, 2012, 04:01:18 pm
ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วถึงบางอ้อเลย smiley4
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้มมิวสิค ที่ กันยายน 18, 2012, 05:20:29 pm
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: sarnsound ★ ที่ กันยายน 18, 2012, 09:16:59 pm
 smiley4 smiley4 ขอแสดงความนับถือเลยครับ  loveit loveit
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: servicemode ที่ กันยายน 18, 2012, 09:40:57 pm
ขอบคุณมากๆ ครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: กล้วยหอม ศรีสะเกษ ที่ ตุลาคม 07, 2012, 05:14:28 am
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: ตาเก็ม กรุ๊ป ที่ ตุลาคม 07, 2012, 12:30:31 pm
ชัดเลย ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: aumepuy ที่ ตุลาคม 09, 2012, 01:27:33 pm
ขอบคุณมากๆ ครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: KODUNG ที่ ตุลาคม 18, 2012, 07:04:52 am
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: SOMKHUAN SOUND SYSTEM ที่ ตุลาคม 25, 2012, 02:07:51 am
เข้ามาดาวห์โหลดความรู้ ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: PLE-T-BAND.LB ที่ มกราคม 19, 2013, 03:17:41 pm
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: suttipong_pop ที่ กันยายน 23, 2013, 11:37:59 pm
ขอบคุณครับ กระจ่างเลย  smiley4 smiley4
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: sayun_sound ที่ ธันวาคม 27, 2013, 09:06:13 am
ได้ความรู้เพิ่มแล้วครับ ขอบคุณครับ smiley4
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: sutichai komsan ที่ มกราคม 26, 2014, 08:43:19 pm
ได้ความรู้อีกมากมายเลยคับ
ได้ความรู้เพิ่มแล้วครับ ขอบคุณครับ smiley4
ขอบคุณครับ กระจ่างเลย  smiley4 smiley4
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: seses12345 ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2014, 07:59:17 pm
ขอบคุณครับ smiley4 smiley4
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: orchid2501 ที่ กรกฎาคม 14, 2016, 04:00:44 pm
เยี่ยม...
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura97 ที่ กรกฎาคม 22, 2016, 02:17:31 pm
ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ดีๆ smiley4
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: cannabis ที่ กรกฎาคม 26, 2016, 10:14:47 pm
อ่านแล้วถึงได้รู้ความหมายของ คลาสแอมป์ ขอบคุณครับ smiley4
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: wongpech ที่ มีนาคม 17, 2017, 08:16:53 pm
มาอ่านเหมือนกันขอบคุณครับ
...สรุปได้ว่า คราสดีน่าจะเหมาะกับเบสพลังซัพ ลึกๆ ส่วนกลางแหลมคงจะเป็นเอบีที่พึ่ง ที่จะให้ความสด กว้าง กระจ่าง มันกินกำลังน้อยกว่าเบสหลายช่วงนะ..(ผมสังเกตการสร้างเพาเวอร์แอมป์รถยนต์สู่ตลาดนะกลางแหลมX4 ล้วนเป็นคราสเอบี..ขอบคุณครามรู้ดีๆครับ
แต่ผมยังชอบเอบี ขับเบสกลางแจ้ง หากไม่กลัวหนัก และยอมที่จะหนักสักระยะ สั้นๆ  เพราะไม่มีข้อจำกัดไฟฟ้า เหมือนในรถยนต์..ที่จำเป็นต้องคราสดี สมัยก่อนรถยนต์ ก็เป็นเอบี ...มันได้เข็นบ่อยนี้แหละ คราสดี ถึงได้เกิด 555555
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: sangad ที่ มีนาคม 31, 2018, 10:53:31 am
 smiley4 ขอบคุณหลายๆ เด้อครับ
หัวข้อ: Re: คลาสต่างๆมาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: babayaka ที่ กรกฎาคม 18, 2019, 03:19:35 pm
มาสะสมความรู้ครับ              คลิ๊กเลยเพื่อคำว่าที่สุด (https://www.ufa2019.com)