"เวอร์ทู"คัมแบ็ก เปิดโรงงานมือถือเครื่องละแสน
เวอร์ทู (Vertu) เจ้าของตำนานมือถือเครื่องละแสน (ไปจนถึงล้าน) เปิดโรงงานที่ประเทศอังกฤษให้สื่อมวลชนชมสายการผลิตที่เน้นความประณีต พิถีพิถัน อันนำไปสู่มือถือเคลือบทอง ฝังเพชร ราคาแพงหูฉี่ หลากหลายรุ่นในครอบครองของมหาเศรษฐีทั่วโลก
นับตั้งแต่เปิดตัวมือถือรุ่นแรก ซิกเนเจอร์ Signature ออกสู่ตลาดเมื่อปี 2002 ชื่อของเวอร์ทู บริษัทลูกของโนเกีย ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทที่ผลิตมือถือระดับไฮเอนด์ ด้วยราคาวางจำหน่ายเครื่องละ 100,000 บาทปลายๆ ไปจนถึงเกือบ 3 ล้าน
จนเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เวอร์ทูได้พาสื่อมวลชนเกือบ 30 ชีวิตทั่วโลก รวมทั้ง ทีมข่าวไทยรัฐไซเบอร์เน็ต เดินทางไปเยี่ยมเยียนสำนักงานใหญ่ พร้อมเปิดโรงงานผลิตให้ได้ชมกัน
สำนักงานของเวอร์ทูตั้งอยู่ที่แฮมเชียร์ ห่างจากกรุงลอนดอนราว1 ชั่วโมงครึ่ง เป็นที่ตั้งของทั้งออฟฟิศและโรงงานผลิตมือถือ ซึ่งมีคนงานอยู่ประมาณ 70 คน
ทุกคนจะได้รับการฝึกราว 6 เดือนก่อนที่จะเข้ามาประจำการ ณ โรงงานแห่งนี้ ซึ่งน่าจะมีบรรยากาศการทำงานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง
สำหรับโทรศัพท์มือถือของเวอร์ทูทุกแบบทุกรุ่น ขั้นตอนการประกอบตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงการแพ็กเข้ากล่องเป็นกระบวนการที่ใช้มือทั้งหมด
ที่สำคัญช่างแต่ละคนจะผลิตมือถือกันคนละเครื่อง หลังขั้นตอนการผลิต ซึ่งมีอยู่ประมาณ 150 ขั้นตอนสำเร็จ จะมีการตีตราประทับชื่อของช่างคนดังกล่าวลงด้านหลังตัวเครื่อง เพื่อให้รู้ว่ามือถือเครื่องนี้มีใครเป็นคนทำ และหากมีอะไรผิดพลาด ก็จะรู้ได้ทันทีว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
ณ ปัจจุบัน เวอร์ทูส่งมอบโทรศัพท์มือถือที่มีราคาเฉลี่ยระดับ 100,000 บาทปลายๆ ไปจนถึง 2 ล้านปลายๆ แล้วกว่า 300,000-350,000 เครื่อง จากการเปิดเผยของนายเพอร์รี่ อุสติง ประธานเวอร์ทู
เขายังบอกด้วยว่า 3 ปีให้หลัง เวอร์ทูทำอัตราเติบโตได้ต่อเนื่องมาโดยตลอด ขณะเดียวกันเขาก็ทุ่มเงินลงทุนไปเป็นจำนวนมากกับการให้บริการ ซึ่งเป็นกุญแจหลักของแบรนด์เวอร์ทู
ปัจจุบันบริการที่เวอร์ทูภาคภูมิใจคือบริการผู้ช่วยส่วนตัวหรือ Concierge ซึ่งให้บริการได้ในระดับเอ็กซ์คลูซีฟ โดยสามารถทำความต้องการของลูกค้า ให้เป็นจริงได้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น เคยจัดการให้เด็กหญิงวัย 14 มีโอกาสเล่นออร์แกนในมหาวิหารนอตรดาม ประเทศฝรั่งเศสมาแล้ว
ส่วนในด้านเทคโนโลยีเขายืนยันว่า เวอร์ทู ไม่ได้ยึดติดแต่เฉพาะการทำงานบนระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยนเท่านั้น เขายังเปิดกว้างสำหรับวินโดวส์โฟน รวมทั้งแอนดรอยด์ด้วย หากเป็นที่ต้องการของลูกค้า
ขณะเข้าเยี่ยมชม เวอร์ทูกำลังเดินสายการผลิตมือถือรุ่นใหม่คอนสเตลเลชั่น สไมล์ (Constellation Smile) ซึ่งรายได้จากการจำหน่ายมือถือรุ่นนี้จะนำไปช่วยสนับ สนุนการผ่าตัดโรคปากแหว่งเพดานโหว่ของเด็กทั่วโลก ตั้งเป้าไว้ทั้งสิ้น 5,000 คน ภายใต้วงเงิน 31 ล้านยูโร
รวมทั้งยังมีการผลิตมือถือในรุ่นอื่นๆ อย่าง เควสต์ (Quest) ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของเวอร์ทู, เอ็กซ์ต้า (Ayxta) มือถือรุ่นฝาพับ รวมทั้งไอคอนตลอดกาลของเวอร์ทู อย่างรุ่นซิกเนเจอร์ ซึ่งแม้เปิดตัวไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วและทำงานด้วยการสื่อสารด้านเสียงเป็นหลัก แต่ก็ยังขายดีเป็นที่ต้องการเสมอ
นอกจากขั้นตอนการทำงานที่มีมากถึง 150 ขั้นตอนแล้ว เวอร์ทูยังมีขั้นตอนการตรวจสอบสินค้าก่อนการส่งมอบถึงอีก 400 กว่าขั้นตอน รวมทั้งการตรวจเช็กโค้งสุดท้ายเพื่อความสมบูรณ์แบบ
ที่สำคัญโรงงานแห่งนี้ยังรับผลิตเครื่องตามความต้องการพิเศษของลูกค้า จึงไม่น่าแปลกใจที่จะต้องมีห้องนิรภัยขนาดใหญ่ไว้เก็บวัตถุดิบเฉพาะที่ใช้ในการผลิตมือถือของเวอร์ทู ตั้งแต่เซรามิก แซฟไฟร์ ไปจนถึงทอง 18 เค อัญมณีต่างๆ ทั้งทับทิมและเพชรจากเมืองไทยและอินเดียด้วย
แต่สำหรับประเทศไทย เวอร์ทูยอมรับว่ายังไม่สามารถทำตลาดได้เต็มที่มากนัก ทั้งๆที่มองเห็นศักยภาพว่ายังมีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากที่อาจต้องการเป็นลูกค้าเวอร์ทู
โดยนายริชาร์ด ยอง หัวหน้าฝ่ายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเวอร์ทู เปิดเผยว่า ยังไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในไทย โดย เฉพาะผลกระทบต่อห้างสยามพารากอน ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านเวอร์ทู ก่อนหน้านี้จึงไม่ได้โหมกิจกรรมทางการตลาดมากนัก
แต่เนื่องด้วยภูมิภาคเอเชียถือเป็นตลาดที่เติบโตสูงสุด ไทยจึงถือเป็นประเทศที่เวอร์ทูต้องใช้ความพยายามมากขึ้น ขณะที่ตลาดหลักอย่างสิงคโปร์และเวียดนามมีการเติบโตที่ดีเยี่ยม.
ที่มา:
http://www.thairath.co.th/column/tech/cybernet/268733