เห็นวิดีโอนี้มาหลายปีเเล้ว ในตอนหลังๆจน BBC นําไปทําสารคดี วิเคราะห์ในเเบบวิทยาศาสตร์ ว่างๆจะวิเคราะห์เเบบว่าไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้เลยในพวกเราได้รู้กัน ว่าจริงหรือไม่?
http://www.youtube.com/v/wGMwa4yZLL4?version=3&hl=en_US
ท่านอาจารย์ กรุณาวิเคราะห์ให้ด้วยครับ ว่าจริงหรือไม่ อยากรู้จริงๆรอมานานครับ 
.......ขณิกสมาธิ -- สมาธิแบบชั่วคราว จิตเริ่มตั้งมั่นอบยู่ที่อารมณ์เพียงหนึ่งเดียว แต่ว่ายังไม่มั่นคง มักจะคลายได้ง่ายเมื่อมีสิ่งมากระทบ
.......อุปจารสมาธิ--เฉียดฌาณ สมาธิระดับลึก ลมหายใจติดต่อแน่วแน่ไม่ขาดสาย รู้สึกเป็นลมหายใจเดียวกันตลอดไม่แบ่งเป้นเข้า--ออกอีก
แต่ยังมีการตกภวังค์ของจิต คือการเผลอสติอยุ่ แต่เป้นไปในระยะสั้นๆเหมือนฟ้าแลบ
.......อัปปนาสมาธิ เหลือเหลือแต่ความนิ่ง สงบในจิตเพียงอย่างเดียว
....สวัสดีครับอาจารย์ ผมก็เห็นวิดีโอนี้มาหลายปีเเล้วครับ ในความคิดของผมน่าจะประมาณนี้ครับ ..อัปปนาสมาธิ เหลือเหลือแต่ความนิ่ง สงบในจิตเพียงอย่างเดียว
ผมเคยฟังพระอาจารย์สายกรรมฐาน..ท่านบอกว่า สุขในสมาธิ มันสุขแบบเนื้อติดฟัน ติดสมาธิตัวนี้นั่งทั้งคืนทั้งวันก็นั่งได้ แต่ถ้าอยากหลุดพ้นต้องออกพิจารณาทางด้านปัญญา(วิปัสสนา) พิจารณา อสุภ..อสุภัง อนิจจัง ทุกขัง..อนัตตา..
..ในพุทธกัปนี้มีพุทธเพียง5พระองค์ ซึ่งอาจารย์ธวัชก็เคยเสนอเรื่องนี้ให้ฟังแล้วครับ...
1. องค์ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกกุสันโธ
2. องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคมโน
3. องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสโป
4. องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตโม (พุทธเจ้าสมัยพวกเรา)
5. องค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรโย
ขออ้างอิงของคุณ MEENOY ด้วยนะครับ
จริงการคิดเรื่องวิสัยพระพุทธเจ้า เรื่องโลกเป็นสิ่งที่คิดได้ยากครับ เป็นอจิณไตยคิดเเล้วเป็นทุกข์มาก เพราะรู้ได้ยาก เมื่อคราวก่อนพูดถึงสัญญานบ่งบอกครั้งเเรก คือได้ยินเสียงพูดเเว่วๆมาให้ได้ยิน ความประหลาดมาเกิดครั้งที่ 2 เมื่อราวอายุ 24 ปี อยู่ไม่คาดคิดว่าจะมีคนเอาพระไตรปิฏกมาให้ เพราะเราไม่เคยร้องขอเลยหรือพุดถึงเลย ในใจคิดว่ากรรมนี้คงเกิดขึ้นกับเรา ชี้นําเราให้มาทางนี้โดยเเน่เเท้ ไม่เคยคิดจริงๆว่าจะซื้อหนังสือพระไตรปิฏกอ่านเพราะเเพงมากๆ ที่ได้มาก็ค่อนข้างเก่า เเต่ตอนนี้ก็ให้คนที่สนใจไปเเล้ว ขณะที่อ่านนั้นก็แปลกมากๆเข้าใจได้มาก เมื่อประกอบเพียงสติน้อยนิดที่เกิด ทําให้เกิดการเลื่อนขึ้นของสมาธิ มาตรวจสอบในครั้งหลังๆ รู้ตัวเองว่าสามารถเข้านิพพานได้เลยถ้าปรารถนาในการเกิดในครั้งนี้ ถ้านิพพานในชาตินี้จะสามารถข้ามขั้นตอนได้เพียงเเค่ดับจิตบางดวงก็จะไต่ ระดับอย่างรวดเร็ว ในปีที่รู้ธรรมนั้นเหมือนอย่างที่พระพุทธองค์ตรัสเมื่อมีผู้รู้ธรรมของพระ องค์เเผ่นดินจะไหวมาก คิดเหมือนกันว่าเราอาจจะเป็นชายหนุ่มผู้โชคดีที่จะได้เข้านิพพานอย่างเเน่ๆ เมื่อถึงเวลา มาพูดที่ฝรั่งเรียก buddha boy เเต่จริงๆไม่ได้มีส่วนที่เกี๋ยวกันเลย จะตีแผ่ให้เห็นพอสังเขป เเล้วหลายๆท่านคิดเอาเองว่าเป็นอย่างไร
ธรรม คือ ธรรมชาติ สิ่งที่มีและเป็นอยู่ตามธรรมชาติ เขียนให้ดูเป็นรูปสิ่งคู่ ซึ่งสามัญชนจะคิดเรื่องนี้ได้ยาก
ทุกข์<->สุข
หายใจลําบากเหนื่อย <-> ไม่ลําบาก
เผาผลาญอาหารมากเหมือนผู้ที่ป่วยที่บางครั้งต้องการอาหารอย่างปรานีต<->ไม่ใช่คนป่วยที่ต้องการอาหารมากกินเพียงน้อยก็อยู่ได้
มี พระอรหันต์ในสมัยองค์หนึ่งในสมัยพุทธกาลได้กล่าวว่า "คนที่คิดฆ่าบุคคลอื่น นั้นคิดฆ่าตัวเองไปเเล้ว" อธิบายก็คือระบบหายใจนั้นเริ่มที่จะติดขัด เมื่อคิดกระทําการ โดยที่ตนไม่มองให้เห็นในตน
จากข้างบนเราจะเห็นว่าทําไมพระพุทธเจ้าเเละ พระอรหันต์ฉันท์เเค่มื้อเดียวก็อยู่ได้อย่างปกติสุข เพราะจิตที่ปราศจากความทุกข์ จึงไม่มีความจําเป็นที่ต้องฉันท์อาหารมาก เเต่ยังคงไว้ซึ่งปกติสุข
การเข้าสมาธิให้นานนั้น โดยมากพระอรหันต์จะเข้าไม่เกิน 7-10 วันครับ เวลาออกท่านจะเกิดอาการหิว ถ้ามีบุคคลใดรอท่านออกเเล้วถวายอาหารในคราวนั้นจะได้บุญมาก นี่เป็นพระอรหันต์ที่นั่งสมาธิในขั้นสมาบัติ ซึ่งไม่มีในบุคคลที่นั่งทั่วๆไป เป็นนิโรธสมาบัติ คือปราศจากกระทบกระทั่งโดยสิ้นเชิง ความสุขจะมีมากร่างกายเผาผลาญอาหารตํ่ามาก จะไม่มีการหายใจเลย เเต่ร่างกายเเละผิวพันธ์จะเหมือนคนปกติ ถ้าใครทําร้ายถือว่าไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน บาปมหันต์เพราะผิวพันธ์นั้นไม่เหมือนคนตายสักนิดเดียว พระองค์อยู่ในสุขมากเเต่พระองค์ยังอยู่ภายใต้วัฏฏะที่ไม่เที่ยงเพราะเหตุ เเห่งกรรมเก่ามิได้สิ้นไปเลยทีเดียว ร่างกายจะยังมีการทํางานเปลี่ยนไปตามเวลา พอหลายๆวันท่านเหล่านั้นจะทราบดีกว่า 7-10 วันนั้นพอดี ออกมาไม่หิวมาก เเม้ว่าจะไปเกินจากนี้ก็ทําได้ เเต่พระอรหันต์เป็นผู้ไม่เบียดเบียนตนเองเเบบฤๅษี จึงเอาเเค่ 7-10 วัน เพราะก่อนเข้าจะกําหนดวันออก เเละป้องกันร่างตนเองโดยการอธิษฐานก่อนเข้าไม่ให้มีอันตราย หลังจาการออกเมื่อท่านทานอาหาร 1 มื้อจนปลดอาการหิวได้เเล้ว ท่านสามารถเข้าอีกก็ได้ ตรงนี้เเตกต่างจากคนทั่วไปครับ คนทั่วไปทุกข์มากหายใจก็ลําบาก สูบฉีดเลือดมาก ความร้อนในตัวมาก การระเหยของนํ้าก็มาก ต้องการปริมาณอาหารมากตาม เเค่สุขของคนบางคนในโลกในบางคราวนั้น เเม้ว่าจะไม่เที่ยง เเต่บางครั้งก็ทําให้ไม่กินอาหารเกือบทั้งวันได้เเล้ว เป็นปกติของผู้ที่มีความสุขครับ เเต่กับพระอรหันต์นั้น ท่านหมดทุกข์โดยสิ้นเชิงครับ นิโรธสมาบัติ คือสมาธิที่ดับทุกข์โดยสิ้นเชิง ปราศจากการรับรู้จากภายนอกที่จะทําให้อยู่อย่างสบายมิได้ อาจมีเหตุที่พุทธบริษัทเข้ารบกวนด้วยคําถามมากๆ
สมาธิของชาว เนปาลนั้นเป็นสมาธิในธรรมดา คือญานของปุถุชน ญาน 4 ญาน 8 เเต่วันไหนมีลาภ สักการะเข้าหา ตนเองนั้นไม่มีปัญญารู้เท่าทันก็อาจจะตกลงได้ครับ เเต่ใครทําได้เเบบนี้ก็ดี ญาน 4 หลังการตาย จะอุบัติโดยไม่ต้องคลอด เป็นชั้นเทพ ส่วนผู้ที่ได้อรูปญาณ 8 นั้นจะไปในภพอย่างพรหม หาอายุสิ้นสุดได้ยากครับ ไปเเบบผู้เดียวโดดๆ
ให้ความรู้ อีกหน่อยครับ จากมรรค 8 มีข้อหนึ่ง มิจฉาทิฐฐิ คือความเห็นไม่ถูกต้อง อะไรคือความเห็นไม่ถูกต้องต้อง อุปมาตัวอย่าง มีสาวนางหนึ่งชาวบ้านลํ่าลือว่าสวยงามมาก นี้เป็นความเห็นผิด สัจจะจริงๆนั้นไม่มีความสวยงามเลย นางนั้นยังมีชีวิตอยู่มีเพื่อนที่เป็นพยาธิ มีสิ่งโสโครกในภายใน ขับถ่ายของเหม็นทุกวี่วัน ไม่อาบนํ้าเพียงไม่กี่วันก็เหม็น จะเห็นว่าความคิด 2 รูปเเบบนั้นตรงกันข้าม อีกทางไปหาสุข อีกทางไปหาทุกข์ เหมือนพระอรหํนต์ในสมัยพุทธกาลกล่าวว่า "ชื่นชมในความสวยของสตรี ย่อมมีทุกข์ตลอดกาล" เหตุเพราะความเห็นผิด จึงบังเกิดความยึดมั่น ในสิ่งที่ให้เเต่ทุกข์
ชีวิตคนนั้นเอาเเน่ ไม่ได้ ชาวพุทธควรมั่นสร้างบุญ ชีวิตเเห่งการเกิดเเก่เจ็บตายที่ทําให้เป็นทุกข์ หนํ่าซํ้ายังเอาเเน่นอนไม่ได้ ลุ่มๆดอนๆ บางครั้งเกิดเป็นกษัตร์ย์ เป็นขุนนางชั้นสูง เเต่บางครั้งยิ่งกว่าขี้ข้าในภพต่อมา ตาบอด พิการก็มี เหมือนดังเเม่นํ้าเนรัญชราในปัจจุบันนี้ หาได้มีนํ้าเต็มเปี่ยมเหมือนในคืนตรัสรู้ไม่ นํ้านั้นเหือดหายเหลือเพียงไว้ซึ่งดินทราย ก็เหมือนชีวิตพวกเราที่มีการเเปรเปลี่ยนหมุนเวียนไปเเบบลุ่มๆดอนๆ