...ไม่ได้เข้ามาอ่านนานเลยครับ..มาต่อกันอีกสักหน่อย...
...ในมิกซ์ทุกรุ่นสมัยนี้ ส่วนใหญ่จะมีกรุ๊ฟทั้งนั้นครับ ส่วนมากก็จะเป็นแบบ 4 กรุ๊ฟ เรามาลองจิตนาการดูหรือวาดภาพในอากาศแล้วนึกตามก็ได้ครับ ว่าด้วยเรื่องทางเดินของสัญญานเสียง เริ่มต้นจากไมค์เข้ามา ถูกปรับแต่งด้วย เกรนขยายและ EQ ภายในช่องนั้นๆที่คุณใช้งาน เมื่อปรับแต่งเรียบร้อย ได้ซุ่มเสียงตามต้องการ (ด้าน LOW อาจให้สูงประมาณสัก 350 Hz ขึ้นมาละกันเพื่อลดเสียง พรึบๆตอนเสียงปิดปากออกลำโพง) แล้วก็นึกต่อว่า สัญญานก็จะเข้าโวลลุ่มสไลท์เพื่อเพิ่มลดเกรนขยาย ต่อจากนั้นสัญญานก็จะวิ่งเข้าที่ PAN เพื่อกำหนดให้ทางเดินจะออกไปทางช่อง L หรือ ช่อง R หรือทั้ง L/R ก็ไว้ตรงกลาง ......
...ให้สังเกตว่า สัญญานตรงนี้มันจะเป็น MONO ทุกช่องไมค์ ฉะนั้นสัญญานจึงถูกกำหนดให้ใช้ปุ่ม PAN เพื่อกำหนดทิศทางนั่นเอง (แต่ปุ่ม BALANCE เป็นการกำหนดสัญญานที่เข้ามาเป็น STEREO เพื่อปรับสัญญานที่เข้ามาให้เท่ากัน ก็คือมันจะตรงข้ามกับ PAN นั่นเอง)....
...หลังจากที่สัญญานออกแล้วมีจะถูกกำหนดว่าจะให้วิ่งไปที่ไหนเช่น ถ้าจะให้ออกที่โวลลุ่ม MAIN MIX ก็ให้กดปุ่ม L/R หรือมิกซ์บางตัวอาจจะใช้ ON หรือ MAIN ก็ได้เหมือนกัน คือเมื่อกดปุ่มนี้มันก็จะวิ่งไปที่ เมนมิกซ์นั่นเอง แต่ถ้ามิกซ์นั้นออกแบบมาให้มีกรุ๊ฟอีกเช่น 1/2 3/4 5/6 7/8 ตรงนี้ก็หมายความว่า เราสามารถส่งสัญญานเสียงที่ออกมาจาก PAN เข้ากรุ๊ฟได้อีกเช่นกัน สรุปก็คือสัญญานที่ออกจาก PAN เราสามารถส่งออกไปได้พร้อมกันหมดไม่ว่าจะเป็น ออกไปที่ L/R 1/2 3/4 5/6 7/8 ได้พร้อมกันเลย...แล้วเราจะต้องส่งไปพร้อมกันได้ไหม หรือเลือกออกเฉพาะช่องใดช่องหนึ่ง ก็ต้องตอบว่าตรงนี้แล้วแต่การใช้งานครับ...
....ตอนนี้เราก็คงจะพอดูออกแล้วว่าสัญญานมันเดินทางกันมาอย่างไร ถ้าเรากดปุ่ม L/R หรือ MAIN เรารู้ว่ามันไปออกที่สไลท์เมนมิกซ์แน่นอน แต่ถ้ากดปุ่มกรุ๊ฟล่ะมันจะเดินทางไปไหน เรามาพูดกันต่อไป...
...ในปุ่มกรุ๊ฟที่เขียนว่า 1/2 หรือ 3/4 (ส่วนใหญ่ก็จะมี 4 กรุ๊ฟ ถ้า 8 กรุ๊ฟก็จะมีเป็นบางรุ่นเท่านั้น กรุ๊ฟยิ่งมากยิ่งดีครับ เพราะจะจัดหมวดหมู่ของการควบคุมเป็นชุดๆได้ง่ายขึ้น ก็จะกล่าวกันต่อไปอีก) ในมิกซ์บางรุ่นปุ่มกรุ๊ฟก็จะแยกไปอีกแบบคือปุ่มจะแยกออกจากกันเลยก็คือจะมีปุ่มกดแยกเฉพาะกลุ่มเลยก็คือ 8 กรุ๊ฟ มีปุ่มกด 8 ตัวนั่นเอง ก็ยิ่งง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของมิกซ์แต่ละยี่ห้อนั่นเอง นั่นหมายความว่าราคาก็อาจจะสูงตามไปด้วยก็อยู่ที่เราเลือกการใช้งานก็แล้วกัน....
...หมายเหตุ....สัญญานที่ออกจาก PAN เพื่อเข้าที่ L/R หรือเข้าที่กรุ๊ฟ เมื่อบิดปุ่ม PAN ไปทางซ้ายหรือทางขวา สัญญานขาอออกที่กรุ๊ฟ ที่จะเป็นไปตาม PAN เช่นกัน เช่นถ้าคุณบิดปุ่ม PAN มาทางซ้าย สัญญานก็จะออกทาง L ส่วนกรุ๊ฟ ก็จะออกที่ 1 หรือ 3 หรือ 5 หรือ 7 เท่านั้น ถ้าบิดมาทาง R สัญญานก็จะออก R หรือ 2 หรื 4 หรื 6 หรือ 8 เช่นกัน (โดยทั่วไปก็จะเป็นแบบนี้นะครับ..
เมื่อเราโยนกรุ๊ฟไปใช้งานในแต่ละกรุ๊ฟ สัญญานก็จะถูกปรับแต่งความแรงด้วยโวลลุ่มกรุ๊ฟอีกที เช่น เมื่อเรากดปุ่มกรุ๊ฟ 1/2 สัญญานก็จะวิ่งไปที่โวลลุ่มกรุ๊ป 1 และ 2 พร้อมกันนั่นเอง ฉะนั้นทุกช่องของมิกซ์ถ้าเราโยนเข้าที่กรุ๊ฟ 1 และ 2 สัญญานก็จะวิ่งมารวมกันที่ โวลลุ่มกรุ๊ฟเพื่อให้โวลลุ่มกรุ๊ฟเป็น MAIN เพื่อปรับความแรงขาออกและนำสัญญานที่ต้องการไปใช้งานต่อไป...
.....สัญญานที่ออกจากโวลลุ่มของกรุ๊ฟไปไหน เราจะเอามาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร?...
.สัญญานของโวลลุ่มกรุ๊ฟที่ขาออกจะแบ่งออกเป็น 2 ทางคือ...
1. จะวิ่งออกไปภายนอกเพื่อนำสัญญานที่เราได้รวมกรุ๊ฟแล้วส่งไปปรับแต่ง อาจจะไปผ่านพวกเอฟเฟกหรือ EQ หรือส่งไป MONITOR ก็ได้ หรือเมื่อผ่านตัวปรับแต่งต่างๆก็จะส่งกลับเข้ามาที่ MIX อีกที โดยสังเกตที่ตัวมิกซ์จะมีแจ๊คแบบ PHONE OUT หรือ CANON OUT ก็ได้ แล้วมันก็จะเขียนกำหนดไว้ว่า GROUP OUT 1-2-3-4-5-6-7-8 อย่างนี้เป็นต้น ให้จำไว้ว่าเมื่อเร่งโวลลุ่มกรุ๊ฟ สัญญานความแรงที่เราโยนกรุ๊ฟมาก็จะมาออกที่จุดนี้ทันที
2. อีกทางหนึ่งก็จะวิ่งมารอที่ปุ่มกดที่อยู่เหนือโวลลุ่มกรุ๊ฟ มันจะให้เราเลือกว่า เราจะส่งสัญญานกรุ๊ฟทั้งหมดจากโวลลุ่มของกรุ๊ฟวิ่งกลับเข้าไปที่เมนมิกซ์เลยหรือไม่ ถ้าหากเรากดสัญญานที่ออกจากโวลลุ่มกรุ๊ฟก็จะวิ่งเข้าไปที่ MAIN MIX ทันทีและโวลลุ่มเมนมิกซ์ก็จะคุมความแรงของสัญญานทั้งหมดอีกทีก่อนที่จะถูกส่งออกไปสู่เพาเวอร์ต่อไป
ข้อสังเกต....การกดปุ่ม ON เพื่อส่งสัญญานไป MAIN MIX จะไม่มีผลต่อขาออกของ GROUP OUT ไม่ว่าเราจะกดปุ่ม ON หรือไม่กด สัญญานตรง GROUP OUT ก็ยังคงออกตามโวลลุ่มกรุ๊ฟตลอดเวลา
TRIP
ตรงนี้ไงครับ ที่ผมบอกว่า เราจะต่อหรือเล่นกรุ๊ฟกันแบบไหน กรุ๊ฟใน หรื กรุ๊ฟนอก ถ้าจะเล่นกรุ๊ฟในก็กดปุ่ม ON ถ้าจะเล่นกรุ๊ฟนอก ก็ไม่ต้องกดปุ่ม ON แต่ถ้าจะเล่นทั้งกรุ๊ฟในด้วย กรุ๊ฟนอกด้วนก็ได้เช่นกัน ในกรณีนี้อาจจะใช้เอฟเฟกเพื่อแต่งเสียงดนตรีไงครับ โดยที่เราเอาเสียงจริงจัดกรุ๊ฟให้หมด เสร็จแล้วโยนเข้า MAIN MIX โดยการกดปุ่ม ON ส่วนอีกทางหนึ่งที่ GROUP OUT เราก็วิ่งออกไปเข้าเอฟเฟกเพื่อแต่งเสียงสะท้อนแล้วก็ย้อนกลับเข้ามาผสมกับเสียงตรงอีกที อย่างนี้เป็นต้นครับ...
...คำจำกัดความที่เราเรียกว่ากรุ๊ฟ...
...มิกซ์แต่ละยี่ห้ออาจจะแบ่งหมวดหมู่สัญญานขาออกได้มากกว่า 2 ทาง อย่างเช่น FX-8/16 เขาจะไม่เขียนคำว่ากรุ๊ฟครับ เพราะคำจำกัดความคำว่ากรุ๊ฟต้องมากกว่า 4 เอ้าเป็นต้นไป ถ้ามีแค่ 2 เอ้าพุตอย่างเช่น FX-8/16 เขาจะเขียนว่า SUB แทนนั่นเอง ส่วนขาออกก็จะเขียนว่า SUB OUT ส่วนปุ่ม ON ก็จะเขียนว่า SUB TO MIX นั่นเองครับ
ตรงนี้ก็ค่อยๆเรียนรู้กันไปครับ เพราะมิกซ์แต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นลูกเล่นก็ไม่ต่างกันเพียงแต่อาจจะเขียนสัญลักษณ์ไม่เหมือนกันเท่านั้นเองครับ...
...ผมจะสรุปถึงการต่อเอฟเฟกแบบอนุกรมอีกครั้งนะครับ เพราะว่าจากการที่ผมอธิบายข้างต้นที่ผ่านมา เพื่อนๆก็อาจจะมองภาพออกแล้วว่าการต่อเอฟเฟกแบบกรุ๊ฟทำยังไงต้องกดปุ่มไหนบ้างหรือกดแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างก็คงเข้าใจกันไม่มากก็น้อยนะครับ ฉะนั้นการต่อเอฟเฟกแบบเต็มตัวเพื่อให้เอฟเฟกทำงานเกี่ยวกับเสียงร้องได้เต็มที่ก็ต้องต่อแบบกรุ๊ฟนอกนะครับ ตามนี้
1. ช่องมิกซ์ของไมค์ทุกตัวขาออกให้กดกรุ๊ฟ 1/2 แต่ถ้าเป็นตระกูล FX ให้กดปุ่ม SUB ส่วนปุ่ม L/R หรือปุ่ม MAIN ไม่ต้องกด
2. ทดสอบเร่งสไลท์กรุ๊ฟดูว่ามีสัญญานเข้าหรือไม่ในกรณีที่ช่องกรุ๊ฟมีไฟแสดงผล
3. ต่อ GROUP OUT 1และ 2 เข้าที่ INPUT ของเอฟเฟกโดยเอา 1 เข้าที่ L และ 2 เข้าที่ R
4. ขาออกของเอฟเฟก L/R ให้วิ่งกลับเข้ามาที่ RETURN 1 หรือ 2 หรืออะไรก็ได้ที่เป็นขาเข้าแบบ STEREO เท่านั้นแต่ถ้าเป็น MONO ก็ให้ใช้ 2 ช่อง แล้วปรับ PAN ให้เป็น L ตัวนึง และ R ตัวนึงนะครับ
4.1 ถ้า RETURN ข้าเข้ามีปุ่มโยนให้เลือกก็ให้โยนสัญญาน TO MAIN หรือ L/R เท่านั้น
4.2 ไม่ควรใช้ช่อง LINE ที่เหลือเป็นช่องเอฟเฟกขาเข้าเป็นช่องขาเข้าจากเอฟเฟกเพราะสัญญานแรงเกินไป ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่าปรับเกรนให้สูง ภาค EQ ไม่ควรปรับเลยให้อยู่ตรงกลาง และปุ่ม PAN ต้องปรับ PAN L และ PAN R ด้วย เพราะสัญญานขาออกของเอฟเฟกมันมีมิติที่เป็น STEREO ครับและปุ่มโยนก็ต้องกด L/R หรือ MAIN เท่านั้น ที่แนะนำว่าไม่ควรใช้ช่อง LINE เป็นขาเข้าเอฟเฟกเพราะว่า เรามีการปรับไมค์ที่ภาคปรีไมค์มาแล้ว และส่งให้เอฟเฟกประมวลผลแล้ว เราต้องเชื่อมั่นว่า ทั้ง 2 ภาคทำงานได้สมบูรณ์ที่สุด หลังออกจากการประมวลผมของเอฟเฟกแล้วสัญญาณเราจึงไม่ควรปรับแต่งอีก ไม่เช่นนั้นมิกซ์แต่ละตัวเขาคงไม่ทำ RETURN ที่เป็น STEREO มาให้หรอกครับ เพราะหลายท่านยังเข้าใจผิดๆกันอยู่ ชอบกลับมาเข้าที่ช่อง LINE แล้วบอกว่าเสียงดี (มันดีตรงไหน เดี๋ยวหอน เดี๋ยวแหบ ตรงนี้ถ้าคิดว่าดีก็ไม่ว่ากันครับ)จึงทำให้ระบบเสียงร้องวกวนขาดมิติไปครับ
ช่วงโค้งสุดท้าย
...เราต้องศึกษาให้ดีว่าเอฟเฟกเราแต่ละปุ่มแต่ละโปรแกรม มีหน้าที่การทำงานอย่างไร การเพิ่มเสียง WET การลดเสียง DRY ทำอย่างไร หรือเสียง WET เสียง DRY คืออะไร ก็ลองหาคำตอบกันดูนะครับ ยังไงก็คงต้องมาพูดคุยกันอีกไม่มีวันจบครับ ความรู้มีอยู่ทั่วไปเพียงแต่เราจะไขว่คว้าหาหรือเปล่าเท่านั้นเอง ยังก็ลองมาถกปัญหากันดูครับ.....