เล็งอยู่เหมือนกันครับ แต่ที่ผมยังไม่รู้ คือ
ตัวรับสัญญาณ
- สวิตซ์ ON/OFF ต้องกดค้างไ้ว้เพื่อ เปิด และ ปิดเครื่องหรือเปล่า
เพราะถ้าตัวรับไม่ได้อยู่ใกล้มือเรา หรือ ใกล้มิกเซอร์ ไฟดับกระทันหัน 10 วินาที แล้วไฟติด
ก็ต้องวิ่งไปเปิดเครื่องอีก (เคยใช้แต่สวิตซ์เปิดปิดเหมือนเพาเวอร์ อุ่นใจหน่อย)
- สัญญาณไฟ คลิป ถ้ามันติดกระพริบๆ หรือ ค้างในช่วงเวลาสั้นๆ มันจะทำให้เสียงเป็นยังไง
(น่าจะแถมไฟ LED เล็กๆ มาใก้ซัก 4-6 ดวงนะ
) คือ ถ้าคนที่ไม่คุ้นกับการเร่งมอนิเตอร์อย่างผม
จะอาศัยดูระดับความแรงที่ตัวรับสัญญาณไมค์ลอยเป็นหลัก ถ้านักร้องตะโกนมาจนไฟวิ่งสุด แสดงว่าเขาไม่ได้ยิน
เสียงตัวเองจากมอนิเตอร์ ทำให้ต้องตะโกน ผมที่ได้คือเสียงพร่า เสียงร้องเพี้ยน
- อ่านจากสเปค ช่องแจ๊คโฟนหลังเครื่อง เป็นแบบ Unbalance ซึ่งผมมองว่า น่าจะทำให้เป็น Balance
แล้วใช้สวิตซ์เล็กๆ โยกว่าจะเลือกเอาท์พุตแบบ Bal / Unbal เพราะเราต้องถอด-เสียบหัว XLR ทุกงาน
เผื่อ XLR หลังเครื่องตัวล๊อค หรือ ขา 1-3 หัก จะได้ใช้ช่องโฟนได้ (แบบ Balance)
ตัวไมค์
- สวิตซ์เปิด-ปิด มันเลื่อนเบาๆ หรือ ว่าออกแรงพอสมควร เพราะมันใช้คุม 3 อย่าง
1. ปิดไมค์
2. เปิดไมค์
3. มิวต์ Mute
เท่าที่ดูจากรูปจริง สวิตซ์ทำมาเรียบเสมอกับตัวไมค์ โอกาศมือคนไปจับแล้วเลื่อนไป-มา น่าจะน้อย
แต่....ถ้าเลื่อนเข้า-ออก กับหัวจับไมค์แบบที่ใส่ขาตั้ง ยังไม่แน่ใจว่ากรณีนำออกจากมือจับแล้ว ตัวจับไมค์จะไปโดนสวิตซ์จนเลื่อนมาตำแหน่ง Off ที่อยู่ล่างสุดได้
- การเลือกช่องความถี่ ตามสเปคบอก 8 ช่อง ต้องดูว่า เลข 1 - 8 อันไหนรับ-ส่งสัญญาณได้ไกลกว่ากัน
500 - 865 MHz คือ ช่วงของย่านความถี่
ผมเคยใช้ตัวอ่านบาร์โค้ดแบบไร้สาย ย่าน 433 MHz ส่งได้ไกล 50 เมตร
ย่าน 916 MHz ส่งได้ไกล 30 เมตร
ไม่แน่ใจว่า ถ้าเลข 1 เป็นย่าน 500 Hz แล้ว เลข 8 เป็นย่าน 800 Hz
ช่องไหนจะส่งได้ไกลสุด (โดยที่ไม่โดนสัญญาณจากที่อื่นรบกวน)
...... ผมวิเคราะหลักการอุปกรณ์ อะไรที่เจอมากับตัวแล้วดีอยากแชร์ให้พี่-น้องทราบ อะไรที่เป็นจุดบอดแล้วทำหน้าแตก ก็ขอเล่าให้ฟัง เผื่อท่านใดใช้งานในลักษณะที่ไม่ตายตัว จะได้นำไปใช้ประโยชน์กัน
ปล....ยังไงท่านเจ้าของกระทู้ทดลองใช้ จะรีวิวรวมๆ ให้พี่-น้องฟังอีกที ผมขอบคุณล่วงหน้าเลยนะครับ