ขอออกความคิดนิดเดียวครับ..ผมคิดว่าหากเรามีรายได้จากงานนั้นการจ่ายเพื่อพัฒนาองค์กรเป็นสิ่งดีอีกอย่างงานเพลงgmmคูณภาพดีมากตอนนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปมากแผ่นแทบไม่ได้ขายส่วนแบ่งของนักแต่งเพลงค่าดนตรีแทบไม่มีที่รู้มาแต่ละงานเพลงที่ผ่านการบันทึกเสียงต้องใช้เวลาและเงินมากกว่าจะดัง..ผมค้าขายเสียภาษีถูกต้องทำดนตรีรถแห่.ลองคิดดูหากเราไปแห่แล้วเพลงทีดังเราบอกว่าร้องไม่ได้เจ้าภาพเขาจะว่าอย่างไร่..ยังดีกว่าพวกที่คอยกินบ้านกินเมืองคอยรีดไถตามริมทางทั้งที่หน้าที่การงานบอกว่าอำนวยความสะดวกให้ประชาชนบอกว่าบรรทุกสูงทั้งที่ไม่วัด...ความสูง...แต่ขออย่างหนึ่ง..หากงานนั้นมีรายได้น้อยก็เสียน้อยให้..คิดค่าชิ้นดนตรีหนึ่งชิ้นต่องานน่าจะได้....
โลกเปลี่ยน เทคโนโลยี่ก้าวหน้าขึ้น ดังนั้นหลักการจ่ายค่าตอบแทนจากค่ายเพลงให้นักร้อง นักแต่งเพลงก็ต้องก้าวหน้าตาม จะมามัวนั่งนับแผ่นที่ขายได้อย่างไร และในยุคปัจจุบันการหารายได้ของค่ายเพลงโดยผ่านตัวนักร้องมีหลายช่องทาง ทั้งโชว์ตัว เปิดคอนเสิร์ท พรีเซ็นเตอร์โฆษณา เรียกเก็บจากการดาวน์โหลด และที่บอกว่าเขาต้องใช้เงินมากในการทำแต่ละชุด ก็ต้องเข้าใจด้วยว่านี่มันเป็นการลงทุนเมื่อบริษัทคิดจะขายเพลง(เพลงแต่งใหม่)ให้เป็นอันดับหนึ่ง แพงกว่าเขา ก็ต้องลงทุนการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง
ไม่ใช่เล็งเพลงที่เคยดังมาก่อนแล้วกว้านซื้อเข้ามาเป็นของตน เอานักร้องของตนเข้าไปร้องใหม่ ทำดนตรีใหม่แล้วมาอ้างความชอบธรรมตามกฏหมาย อย่านึกว่าใครเขาจะไม่รู้ทันน่ะครับ เวลาที่ค่ายนี้จะซื้อเพลงเก่ามาร้องใหม่ ก็ต้องขอซื้อกับค่ายเก่าๆที่ล้มหายไปแล้วเเพราะเพลงแต่ละเพลงค่ายเพลงมักซื้อขาดเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีซักกี่เพลงหรือกี่สิบเพลงที่ซื้อกับเจ้าของคนแต่งเดิม หรือกับทายาทที่รับมรดกมาจริงๆ
ส่วนหนึ่งของความคิดว่าจะให้ตามกฏหมายก็มีครับ แต่ขอความเป็นธรรมและความชัดเจนในรูปแบบอีกหน่อยเช่น วงเล็กวงน้อยขอให้เรียกเก็บด้วย%ที่น้อยลง หรือให้จดทะเบียนในจังหวัดตนเองเสียในรูปแบบภาษี
และที่สำคัญ
ทางค่ายเพลงต้องแจ้งมาด้วยว่าค่ายตนเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงอะไรบ้าง ถ้าเป็นเพลงใหม่จะได้มีการตรวจสอบร่วมกันว่าไม่ได้หยิบเอาท่อนนั้นนิด ส่วนนั้นหน่อยของฝรั่งมาขายให้เราพร้อมอ้างลิขสิทธิ์ อย่างที่เคยทำ และถ้าเป็นเพลงเก่า ค่ายได้มาอย่างไร ซื้อมาจากไหน และจำนวนที่จะแบ่งให้คนแต่งหรือทายาทเป็นเท่าไหรจากจำนวนเรียกเก็บตรงนี้ถ้าชัดเจนและเป็นธรรม ผมคนหนึ่งหล่ะที่เต็มใจจ่าย