หัวข้อ: นานาสาระกับนายพี (ประโยชน์การต่อแอมป์บลิด หน้า29นะครับ)

[อาร์ตี้_SMK.Entertainment_หนองบัวฯ]

แฮ่ ผมไม่ทราบลึกขนาดนั้น
งันขอยกบทความของพี่MEGASOUND จากบ้านMD House มาแทนนะครับ
ตามนี้
Dbx Driverack PA
 (รุ่นแรก ๆ ที่ยังผลิตใน USA) เสียงแน่นตึ้บ ๆ ดีจริง ๆ แต่ใสจะกระด้างไปนิดนึง ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ครบครันมากครับ มีให้ทุกอย่างที่อยากได้ เสียตรงที่ ดีเลย์ไทม์น้อยเหลือเกิน ถ้าหวังว่าจะเอามาทำดีเลย์สำหรับลำโพงดีเลย์นี่เลิกคิดไปได้เลยครับ ของอัลโต้ยังดีเลย์ได้เยอะกว่ามาก ๆ ครับ อีกอย่างคือไม่มีปุ่ม Mute ของแต่ละ Out put ทำงานลำบาก ไม่มี USB คุมโดยคอม ฯ ไม่ได้ ต้องถ่างตาดูจอเล็ก ๆ ซึ่งลำบากลำบนสำหรับผู้สูงอายุ อิอิ

Dbx Driverack PA+
 (รุ่นใหม่ หน้าเงิน) เสียงและฟังก์ชั้นต่าง ๆ ครบครันเหมือนเดิม เสียงก็ออกแนวเดียวกันกับรุ่นเก่า แต่ดีขึ้นที่มีปุ่ม Mute แต่ละ Out put มาให้ ทำงานสะดวกขึ้น คงมีคนบ่นเรื่องนี้กันมากจากรุ่นเก่า แต่ดีเลย์ไทม์ก็ยังจำกัดเหมือนเดิม มี USB มาให้ละ แต่ก็สายเกินไปซะแล้วเพราะถ่างตาดูจอเล็ก ๆ ซะจนชิน เลยไม่ได้ต่อคอม ฯ แล้ว รุ่นนี้หันกลับมาผลิตใน USA ซึ่งก็คิดถูกแล้ว เพราะ Driverack PA รุ่นหลัง ๆ ที่ผลิตใน มลรัฐ UTAH ประเทศ China นั้น คุณภาพเสียงตกต่ำมาก ๆ กล้าพูดได้เต็มปากว่าห่วยกว่าที่ผลิตใน UTAH ประเทศ USA มากมาย ราวกับหน้าผากกับส้นเท้า (มีพยานรู้เห็นตอนทำ A-B Test)

[bankke]

เป็นครั้งแรกที่ได้อ่าน บทความทาง webbord ได้นานและหมดทุกหน้าเลยมันส์จริงๆ เห็นภาพด้วยเลยเข้าใจง่าย

LOVE TIGGERSOUND

ขอบคุณครับ

[off007]

เปิดอ่านตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย...ตาลายเลย...ครับ

ขอขอบคุณทุกความรู้ครับ ...

[ten.s]

LOVE TIGGERSOUND

[นานา]

ขอบคุณครับ

[www.STS-AUDIO.com]

แฮ่ ผมไม่ทราบลึกขนาดนั้น
งันขอยกบทความของพี่MEGASOUND จากบ้านMD House มาแทนนะครับ
ตามนี้
Dbx Driverack PA
 (รุ่นแรก ๆ ที่ยังผลิตใน USA) เสียงแน่นตึ้บ ๆ ดีจริง ๆ แต่ใสจะกระด้างไปนิดนึง ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ครบครันมากครับ มีให้ทุกอย่างที่อยากได้ เสียตรงที่ ดีเลย์ไทม์น้อยเหลือเกิน ถ้าหวังว่าจะเอามาทำดีเลย์สำหรับลำโพงดีเลย์นี่เลิกคิดไปได้เลยครับ ของอัลโต้ยังดีเลย์ได้เยอะกว่ามาก ๆ ครับ อีกอย่างคือไม่มีปุ่ม Mute ของแต่ละ Out put ทำงานลำบาก ไม่มี USB คุมโดยคอม ฯ ไม่ได้ ต้องถ่างตาดูจอเล็ก ๆ ซึ่งลำบากลำบนสำหรับผู้สูงอายุ อิอิ

Dbx Driverack PA+
 (รุ่นใหม่ หน้าเงิน) เสียงและฟังก์ชั้นต่าง ๆ ครบครันเหมือนเดิม เสียงก็ออกแนวเดียวกันกับรุ่นเก่า แต่ดีขึ้นที่มีปุ่ม Mute แต่ละ Out put มาให้ ทำงานสะดวกขึ้น คงมีคนบ่นเรื่องนี้กันมากจากรุ่นเก่า แต่ดีเลย์ไทม์ก็ยังจำกัดเหมือนเดิม มี USB มาให้ละ แต่ก็สายเกินไปซะแล้วเพราะถ่างตาดูจอเล็ก ๆ ซะจนชิน เลยไม่ได้ต่อคอม ฯ แล้ว รุ่นนี้หันกลับมาผลิตใน USA ซึ่งก็คิดถูกแล้ว เพราะ Driverack PA รุ่นหลัง ๆ ที่ผลิตใน มลรัฐ UTAH ประเทศ China นั้น คุณภาพเสียงตกต่ำมาก ๆ กล้าพูดได้เต็มปากว่าห่วยกว่าที่ผลิตใน UTAH ประเทศ USA มากมาย ราวกับหน้าผากกับส้นเท้า (มีพยานรู้เห็นตอนทำ A-B Test)

มันต่างกันถึงเพียงนั้นเลยเหรอครับ

[งุ่นสด]

ห้องนี้ขายดีจังเนาะ

[ถาวร]

     จากบทความเรื่องความแตกต่าง USA กับ CHINA ที่คัดลอกมา ..

     เวลาซื้อคอมฯ เราเลือก"ยี่ห้อ/รุ่น"ของ CPU , Speed , Memory , Display , Software และ OS ที่ใช้งาน  จะเป็น Made in อะไรเราไม่ค่อยดูกันแล้ว.. spec ต่ำๆ เป็นยังไงเราก็เริ่มรู้ทัน ..

     เครื่องเสียง digital แตกต่างหน่อย
     1. ดูเรื่องชิพ DSP ซึ่งไม่ได้โฆษณาเปิดเผยเหมือนคอมฯ อาศัยคนผ่าให้ดู (แข่งขันกันมากๆ ต้องโฆษณาพร้อมความเร็วแน่)
     2. ดูเรื่อง A to D / D to A ค่า bit depht ระดับเสียง และความละเอียด sample rate resolution เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่บอกความสมจริงของเสียง รวมไปถึงราคา
         จากข้อ 1 และข้อ 2 ชิพที่มีประสิทธิภาพต้องดูบริษัทชั้นนำต่างๆ ว่าเขาใช้เบอร์อะไร
     3. ดูเรื่อง Software ก็เป็นอีกส่วนสำคัญหนึ่ง บริษัทที่พัฒนาต่อเนื่องจะได้เปรียบ ควรเลือกที่รุ่น Up Firmware ได้ เพราะยังไงก็ต้องมีข้อบกพร่อง หรือการพัฒนาใหม่ๆ มา จะได้ Upgrade ไม่ตกยุค
     4. ถ้าต้องการให้เล่นง่ายๆ ต้องดูเรื่องความสามารถของ display  ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องติดต่อกับผู้ใช้ และถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายต้นทุนอย่างหนึ่งเหมือนกัน เช่น dbx DriveRack PA,260,4800 หรือ BSS OMNI Drive 388,366T จะเป็น graphic display ดูและเข้าใจง่าย ต้นทุนจะสูงหน่อย ยี่ห้ออื่นๆ จะเป็น text display เข้าใจยากนิดหน่อย ต้นทุนจะถูกลง และบางยี่ห้อไม่มี ต้องต่อคอมฯ อันนี้ไม่มีต้นทุนเท่าไหร่  

     ทีนี้ถ้ายี่ห้อ-รุ่นเดียวกัน สถาปัตยกรรมในตัว DSP , Hardware ภายนอก และ Software ที่บรรจุลงในชิพ และที่ติดต่อกับคอมพิวเตอร์ เป็นตัวเดียวกัน จะเป็น USA หรือ China เสียงไม่น่าจะต่างกันมาก ถ้าเรื่องความทนทานอาจเป็นไปได้ หรือเขาทดสอบกันสุดขั้วแบบไหน ยังไม่เคยเจอกับตัวขอเชื่ออย่างนี้อยู่ ..

ตัวอย่าง DSP 56K series เบอร์ 56367 ยี่ห้อ Motorola และ Freescale ที่พบบ่อย (ขออภัยที่ยืมภาพบางท่านมาแล้วไม่ได้บอกก่อน)


DriveRack 260 CHINA ใช้ Freescale DSP 2 ตัว เบอร์ 56367AG150 150MHz



DriveRack 260 USA รุ่นแรกๆ ใช้ Motorola DSP 56367 คู่


DriveRack 260 USA รุ่นหลังๆ จะเห็นใช้ Freescale DSP 56367 คู่  



DriveRack PA USA = Motorola DSP 56367 ชิพเดี่ยว แต่การทำงานก็คล้ายรุ่น 260 มันคงทำงานหนักน่าดู ส่วน DriveRack PA ของจีนยังไม่เจอคนโพสให้ดู


DriveRack PA USA ดูชัดๆ ว่าเป็น Motorola DSP 56367



DriveRack PA+ USA มีชิฟ 2 ตัว เป็น Freescale DSP 56367 ตัวหนึ่ง และเป็นชิพ Audio DNA (Digital Nonlinear Accelerator) ของ Harman ตัวหนึ่ง แปลตรงๆ ก็เป็นตัวช่วยเร่งการประมวลผลสัญญาณดิจิตอลที่ไม่เป็นเชิงเส้น ดูแล้วต่างยี่ห้อและต่างวงจรกับ DriveRack PA เยอะเหมือนกัน แต่การใช้งานไม่ต่างกันมาก





อันนี้เป็นของ ASHLY Protea USA ก็ยี่ห้อ Freescale DSP 2 ตัวเหมือนกัน เป็นเบอร์ 56362AG120 120MHz 


DSP 56362 ก็เป็นตระกูล 56K เหมือนกัน ดู datasheet แล้วน่าจะมีฟังชั่นมากกว่า ASHLY รุ่นนี้จึงมีถึง 4 input และ 8 output เลยทีเดียว



สุดท้าย เป็นของ BSS 388 เพิ่งมีคนผ่าโชว์ น่าจะเป็น Motorola คู่ที่เห็น เดาว่าตระกูล 56K เหมือนกัน


     น่าสังเกตคือ ของจีนไม่เคยเห็นใช้ชิพ Motorola ถ้าจะก๊อบปี้ hardware แล้วมาใช้ software ของแท้ก็น่าจะยาก..ถ้าเขาไม่อนุญาตให้ใช้ เราจึงเห็นยี่ห้อใหม่ๆที่กำลังพัฒนาทั้ง hardware และ software ของตัวเองมาสู้ ซึ่งใส่ Made in CHINA หลายยี่ห้อ อยู่ที่จะเน้นคุณภาพ หรือการตลาด
     เครื่องเสียงที่เป็นคนละบริษัท จึงอยู่ที่วงจรแต่ละค่าย และเทคนิค software ลับสุดยอดที่ฝังในตัวชิพ ของใครของมัน ละครับ ..

[ถาวร]

     อนาคต เมื่อผู้ใช้ Digital Processor คำนึงถึงเรื่อง spec มากขึ้น บริษัทต่างๆคงต้องโฆษณารายละเอียดสำคัญๆภายใน แบบนี้ ..

[แจ๊ก แปดริ้ว]

แฮ่ ผมไม่ทราบลึกขนาดนั้น
งันขอยกบทความของพี่MEGASOUND จากบ้านMD House มาแทนนะครับ
ตามนี้
Dbx Driverack PA
 (รุ่นแรก ๆ ที่ยังผลิตใน USA) เสียงแน่นตึ้บ ๆ ดีจริง ๆ แต่ใสจะกระด้างไปนิดนึง ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ครบครันมากครับ มีให้ทุกอย่างที่อยากได้ เสียตรงที่ ดีเลย์ไทม์น้อยเหลือเกิน ถ้าหวังว่าจะเอามาทำดีเลย์สำหรับลำโพงดีเลย์นี่เลิกคิดไปได้เลยครับ ของอัลโต้ยังดีเลย์ได้เยอะกว่ามาก ๆ ครับ อีกอย่างคือไม่มีปุ่ม Mute ของแต่ละ Out put ทำงานลำบาก ไม่มี USB คุมโดยคอม ฯ ไม่ได้ ต้องถ่างตาดูจอเล็ก ๆ ซึ่งลำบากลำบนสำหรับผู้สูงอายุ อิอิ

Dbx Driverack PA+
 (รุ่นใหม่ หน้าเงิน) เสียงและฟังก์ชั้นต่าง ๆ ครบครันเหมือนเดิม เสียงก็ออกแนวเดียวกันกับรุ่นเก่า แต่ดีขึ้นที่มีปุ่ม Mute แต่ละ Out put มาให้ ทำงานสะดวกขึ้น คงมีคนบ่นเรื่องนี้กันมากจากรุ่นเก่า แต่ดีเลย์ไทม์ก็ยังจำกัดเหมือนเดิม มี USB มาให้ละ แต่ก็สายเกินไปซะแล้วเพราะถ่างตาดูจอเล็ก ๆ ซะจนชิน เลยไม่ได้ต่อคอม ฯ แล้ว รุ่นนี้หันกลับมาผลิตใน USA ซึ่งก็คิดถูกแล้ว เพราะ Driverack PA รุ่นหลัง ๆ ที่ผลิตใน มลรัฐ UTAH ประเทศ China นั้น คุณภาพเสียงตกต่ำมาก ๆ กล้าพูดได้เต็มปากว่าห่วยกว่าที่ผลิตใน UTAH ประเทศ USA มากมาย ราวกับหน้าผากกับส้นเท้า (มีพยานรู้เห็นตอนทำ A-B Test)

เสริมนิดนึงจ้า Driver rack pa+ มี USB มาให้ก็จริงแต่ไม่สามารถควบคุมการทำงานผ่านคอมพิวเตอร์เหมือน 260 นะครับ USB ตัวนี้มีเอาไว้แค่ UP DATE   Firm Ware และ Preset ต่างๆเท่านั้นครับ

[อาร์ตี้_SMK.Entertainment_หนองบัวฯ]

แฮ่ ผมไม่ทราบลึกขนาดนั้น
งันขอยกบทความของพี่MEGASOUND จากบ้านMD House มาแทนนะครับ
ตามนี้
Dbx Driverack PA
 (รุ่นแรก ๆ ที่ยังผลิตใน USA) เสียงแน่นตึ้บ ๆ ดีจริง ๆ แต่ใสจะกระด้างไปนิดนึง ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ครบครันมากครับ มีให้ทุกอย่างที่อยากได้ เสียตรงที่ ดีเลย์ไทม์น้อยเหลือเกิน ถ้าหวังว่าจะเอามาทำดีเลย์สำหรับลำโพงดีเลย์นี่เลิกคิดไปได้เลยครับ ของอัลโต้ยังดีเลย์ได้เยอะกว่ามาก ๆ ครับ อีกอย่างคือไม่มีปุ่ม Mute ของแต่ละ Out put ทำงานลำบาก ไม่มี USB คุมโดยคอม ฯ ไม่ได้ ต้องถ่างตาดูจอเล็ก ๆ ซึ่งลำบากลำบนสำหรับผู้สูงอายุ อิอิ

Dbx Driverack PA+
 (รุ่นใหม่ หน้าเงิน) เสียงและฟังก์ชั้นต่าง ๆ ครบครันเหมือนเดิม เสียงก็ออกแนวเดียวกันกับรุ่นเก่า แต่ดีขึ้นที่มีปุ่ม Mute แต่ละ Out put มาให้ ทำงานสะดวกขึ้น คงมีคนบ่นเรื่องนี้กันมากจากรุ่นเก่า แต่ดีเลย์ไทม์ก็ยังจำกัดเหมือนเดิม มี USB มาให้ละ แต่ก็สายเกินไปซะแล้วเพราะถ่างตาดูจอเล็ก ๆ ซะจนชิน เลยไม่ได้ต่อคอม ฯ แล้ว รุ่นนี้หันกลับมาผลิตใน USA ซึ่งก็คิดถูกแล้ว เพราะ Driverack PA รุ่นหลัง ๆ ที่ผลิตใน มลรัฐ UTAH ประเทศ China นั้น คุณภาพเสียงตกต่ำมาก ๆ กล้าพูดได้เต็มปากว่าห่วยกว่าที่ผลิตใน UTAH ประเทศ USA มากมาย ราวกับหน้าผากกับส้นเท้า (มีพยานรู้เห็นตอนทำ A-B Test)

เสริมนิดนึงจ้า Driver rack pa+ มี USB มาให้ก็จริงแต่ไม่สามารถควบคุมการทำงานผ่านคอมพิวเตอร์เหมือน 260 นะครับ USB ตัวนี้มีเอาไว้แค่ UP DATE   Firm Ware และ Preset ต่างๆเท่านั้นครับ

ใช่ๆ ขอบคุณ คุณแจ๊กมากๆที่มาช่วย และพี่ถาวรด้วยครับที่มาเพิ่มเติมข้อมมูลให้สมาชิกเราได้อ่าน

[ถาวร]

     ผมก็เพิ่งสังเกตุเห็น ว่า ... digital processor อื่นๆ เขาก็ใช้ชิพ DSP 56K series เหมือนกัน แต่มันคงไม่ได้ประมวลผลซับซ้อนหลายฟังชั่นเหมือน DriveRack จึงใช้ชิพเพียงตัวเดียว เช่น



AFS 224 USA = Freescale DSP 56367




iEQ-31 USA = Motorola DSP 56367 (เป็น digital ที่มีหน้าตา analog)




Effect TC M2000 Made in Denmark เป็น 56K series Motorola DSP 56303
แต่อันนี้พิเศษหน่อย ใช้ร่วมกับชิพของตัวเอง ตัวที่เห็นไกลๆโน่น


     dbx , t.c.electronic , ASHLY เป็นหนึ่งในหลายบริษัท ที่คงถนัด มีความชำนาญ และคงมีองค์ความรู้ software เกี่ยวกับกับชิพตัวนี้ เหมือนจะให้มันเป็นอะไรก็ได้ ..
     ยี่ห้อใหม่ๆที่เริ่มพัฒนา การตัดสินใจเลือกชิพที่ใช้เป็นเรื่องสำคัญ เทคโนโลยีชิพมันไม่เร็วเท่าเทคโนโลยี software.. ถ้าเลือกตามผู้นำตลาดก็มีโอกาสตามได้ทัน และจะมีราคาถูกลง ส่วนที่เป็นราคาสูงก็จะมีสำหรับชิพตัวใหม่ที่เร็วขึ้นและความสามารถสูงขึ้น เช่น

DriveRack 4800 เป็น 24 bit , 96kHz resolution



BSS OMNI Drive 366T เป็น 24 bit , 96kHz resolution เช่นกัน


BSS MINI Drive 366T จะเป็น 24bit , 48kHz รุ่น/หน้าตามันคล้ายกัน


จึงต้องดู spec ภายในเหมือนคอมพิวเตอร์ ..

[fluaw]

เยี่ยมครับผมพึ่งรู้ทุกอย่างกระจ่างชัดเพราะพี่นี่แหละครับ ขอบคุณมากครับ

[sonicsound yasothon]

ขอความรู้แบบส่งสัณญาณ output ทาง ไวเลท จากชุดหลัก  ไปหา ตัวรับ
เครื่องอีกชุดหนึ่ง และชุดสอง ห่างกัน 50 เมตร และ 100 เมตร ตามลำดับ
อุปกรณ์แบบพอเพียง หรือมาตรฐานก็ได้ เพราะมีปัญหาในการลากสาย line

[RT STUDIO 101]

Part ที่ประกอบวงจร SMT จำพวก Ship,IC ,BGA มันก็มีเกรดหลายเกรดครับ
ถ้าเป็นยี่ห้อดังๆก็ใช้ของดี
และแหล่งผลิตอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ในเอเชีย ก็มีหลายประเทศ
ส่วนเจ้าของ brand name จะเลือกใช้ part ของประเทศไหนก็แล้วแต่กลุ่มเป้าหมายทางการตลาด
ต้นทุนในการผลิตคือหัวใจสำคัญในการประกอบธุระกิจ
ของดีก็ราคาแพง........
ผิดถูกยังไงท่านอื่นช่วยด้วยครับ