Tigger Sound
สังคมออนไลน์คุณภาพของคนรักเครื่องเสียง
ทดสอบเสียง HK1.1 By Tiggersound https://www.facebook.com/tiggersound/videos/10218510874389162

แนวทางการปรับ-การต่อEFFECT/ CROSSOVER/COMPRESSORและการต่อตู้2-3-4ใบ

0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ napho

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 411
  • J Three Audio
พี่เก๋ครับ ขอวิธีปรับ คอมเพรสเชอร์ อเล็คชิส 3630 แบบ ละเอียดหลายๆเวอร์ชั่นหน่อยครับ

อยากรู้เหมือนกัน
นาย กระจ่าง  จันทร์แจ่มหล้า<br />บ้านเลขที่ 10 หมู่ 1 ตำบล ต้นมะพร้าว อำเภอ เมือง จังหวัดเพชรบุรี 76000<br />E-mail : Jetin_jay2@hotmail.com<br />โทร 089-2110171


ออฟไลน์ napho

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 411
  • J Three Audio
ท่านเก๋ช่วยแนวทางการปรับปุ่มต่างฯของเกทรุ่นนี้ให้ด้วยครับ ใช้คุมกระเดื่อง,สแนร์,ทอม1ทอม2 (แต่ละช่อง)




อยากรู้ด้วยครับ
นาย กระจ่าง  จันทร์แจ่มหล้า<br />บ้านเลขที่ 10 หมู่ 1 ตำบล ต้นมะพร้าว อำเภอ เมือง จังหวัดเพชรบุรี 76000<br />E-mail : Jetin_jay2@hotmail.com<br />โทร 089-2110171


ออฟไลน์ tanaphat wongwat

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 246
พี่ๆครับ รู้แล้วก็อย่าเก็บไว้คนเดียว เอามาเขียน มาเล่าให้น้องๆมีอใหม่ได้อ่านได้ดูเพี่อเป็นแนวทางสร้างอาชีพกันต่อ
นาย ธนวัฒน์  วงศ์วัฒน์ เลขที่ 122/1 หมู่ 6 ตำบล หัวสำโรง อำเภอ ท่าวุ้ง จังหวัด ลพบุรี 15150  TEL : 064-7193949 ธ.กสิกร 506-2-21327-4
LINE ID : tanawst8008



ออฟไลน์ บ้านเก๋มิวสิคจ.ตรัง081-2733655 ★★★

  • เจ้าของวง
  • *******
    • กระทู้: 9982
  • ร้าน บ้านเก๋มิวสิค จ.ตรัง 081-2733655
ขอบคุณครับ
EQUALIZER

วัตถุประสงค์ของการปรับแต่ง EQ ก็คือ ต้องการให้ระบบเสียงโดยรวมที่ออกมาจากลำโพงนั้น
มีความถี่เสียงทุกเสียงดังออกมาเท่าๆกัน พูดง่ายๆก็คือ ต้องการให้ เสียงทุ้ม เสียงกลาง เสียงแหลม มีระดับความสมดุลย์ของความดังให้มากที่สุด
ในระดับความดังน้อยๆ (เสียงค่อย)นั้น...... หูมนุษย์จะตอบสนองกับเสียงทุ้มและเสียงแหลมน้อยมาก คือ
ไม่ค่อยได้ยินนั่นเอง แต่จะได้ยินเสียงกลางมากที่สุด
เครื่องเสียงชั้นดีโดยทั่วๆไปนั้น จะผลิตความดังของทุกย่านความถี่ออกมาเท่าๆกันอยู่แล้ว
แต่ดังที่กล่าวแล้วว่า ในระดับความดังต่ำๆ เราจะไม่ได้ยินเสียงทุ้ม กับเสียงแหลม ทั้งที่มันก็ดังน่ะแหละ
แต่เราไม่ได้ยินซะเอง
ดังนั้นเครื่องเสียงส่วนใหญ่ จึงให้วงจรชดเชยมาอันนึง ที่เราเห็นว่าเป็นปุ่ม loudness น่ะแหละ....ถ้าเรากดปุ่มนี้ลงไป เราจะรู้สึกได้ทันทีว่า เสียงดีขึ้น
เพราะเราได้ยินเสียงครบทุกย่านความถี่
นั่นเพราะ วงจร loudness จะไปยกระดับความดังของเสียงทุ้ม กะเสียงแหลมขึ้นมา
เพื่อชดเชยกับความสามารถของหูมนุษย์
ในที่นี้............. loudness ก็ทำหน้าที่ EQ ให้เราไงครับ
ทีนี้...........สำหรับนักเล่นที่พิถีพิถันขึ้นมาอีกหน่อย หรือในวงการของ concert หรือ house PA
ทั้งหลายแหล่...............แค่ loudness มันไม่พอหรอกครับ
เพราะว่า............แต่ละสถานที่...แต่ละเวที...แต่ละสิ่งแวดล้อม...แต่ละห้อง
มันไม่เหมือนกันเลย......แต่ละแห่งก็ต้องการการปรับแต่ง EQ
ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสิ่งแวดล้อมตัวเองทั้งนั้น
EQ ขนาดปานกลางส่วนใหญ่ มักจะมีข้างละ 10 แบนด์ ตั้งแต่ 64 Hz - 16KHz (16,000 Hz ) เพราะเค้าถือว่า
ย่านความถี่ที่มนุษย์ได้ยิน จะอยู่ในช่วงนี้ ส่วนที่ต่ำกว่านี้ และที่สูงกว่านี้ เราจะไม่ค่อยได้ยินแล้ว
(ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์...เค้าบอกว่า เราจะได้ยิน ตั้งแต่ 20 - 20000 Hz
แต่ตามความเป็นจริงแล้ว....มนุษย์ผู้ใหญ่อย่างเรา ไม่ได้ยินถึงขนาดนั้นหรอกครับ
ถ้าเป็นเด็กทารกล่ะอาจจะใช่)
วิธีปรับ EQ ที่ง่ายที่สุด ก็คือ ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Spectrum analyzer .... ไอ้เจ้า Spectrum analyzerเนี่ย...มันจะผลิตสัญญานที่เรียกว่า Pink noise ออกมา
(เป็นเสียงซ่าๆ...ฟังแล้วรำคาญหูชมัด)
เจ้า Pink noise นี่มีสัญญานความถี่ออกมาครบทั้งย่านเลยนะครับ ตั้งแต่ 20-20000 Hz เลยหละ
เมื่อเราเอาไอ้สัญญาน Pink noise ที่ได้มาจาก Spectrum analyzer เนี่ย
ต่อเข้ากับระบบของเรา...เราก็จะได้ยินเสียงซ่าออกมาจากลำโพง
จากนั้นก็เอา Microphone ชนิดพิเศษที่มีความไวสูง (มันมักจะให้มาพร้อมกับ Spectrum analyzer อยู่แล้ว
)......มาต่อเข้ากับ Spectrum analyzer แล้วเอาไอ้ Mic เนี่ย ไปวางไว้ตรงตำแหน่งที่นั่งฟัง
คราวนี้ เราก็มาดูที่หน้าจอของ Spectrum analyzer เราก็จะรู้ว่า ระบบของเราผลิตสัญญานย่านไหน แรงไป
หรือค่อยไป เราก็ไปปรับที่ EQ ของเรา
ปรับไปจนกระทั่ง Spectrum analyzer มันแสดงผลว่า ได้ยินทุกย่านความถี่เสียง...เท่าๆกัน
เป็นอันจบ...ถือกันว่า ระบบนั้นได้ทำการจูน EQ จน Flat แล้ว.....ไม่ต้องปรับต้องหมุนอะไรอีกแล้ว
ฮ่าาาาา...สบายล้ะ
...........แต่..........อนิจจา.....ในความเป็นจริงของชีวิต มันไม่ง่ายหยั่งงั๊นนนน...ท่านผู้ชม
แผ่นแต่ละแผ่น เทปแต่ละม้วน Producer แต่ละคน วงดนตรีแต่ละวง ต่างก็มีอุปนิสัยไม่เหมือนกัน
ยกตัวอย่างเช่น.............
ถ้าเป็นวงดนตรีนะครับ ไอ้มือเบสวงนี้มันเล่นดังเหลือเกิน ส่วนไอ้มือคอร์ดก็เล่นเบ๊า-เบา
แต่ไอ้นักร้องก็เสียงดีเหลือเกิน...บางจ๋อยเชียว
มันก็ยังต้องปรับต้องหมุนกันอยู่นั่นเอง.......
แต่เราก็พยายามอย่าไปยุ่งกับ EQ ก็แล้วกันครับ ไปปรับเอาที่ channel ของแต่ละคนซะ
ตานี้.....ถ้าไม่มี Spectrum analyzer จะปรับยังงัยล่ะ ?
มันก็ต้องปรับกันด้วย หู เรานั่นแหละครับ Spectrum analyzer ที่ธรรมชาติให้มากับทุกๆคน
ตั้ง EQ ทุกปุ่ม ไว้ที่ center ซะก่อน ตรง 0 db นั่นแหละ...
แล้วหาเพลงที่เราคุ้นที่สุด...ชอบที่สุด...ชินที่สุด ถ้าเป็นไปได้ขอให้เป็นแผ่น
CD...เปิดเพลงนี้ฟังดู.......เปิดให้ดังนะครับ อย่าเปิดค่อย
พยายามให้ระดับความดังใกล้เคียงกับระดับความดังของการใช้งานจริงๆเลยหละ
(ผลพลอยได้ก็คือ...กว่าจะปรับเสียงเสร็จ หูก็อื้อทั้งวันแหละครับ เมียด่าอะไรก็ไม่ได้ยินไป 1
วัน)สังเกตุเสียงที่เราได้ยินนะครับ ว่ามีอะไรมันมากไป-น้อยไป เสียงกระเดื่องกะเสียง bass guitar
มันกลมกลืนกลมกล่อมมั๊ย...เสียง guitar chord มันโด่ขึ้นมามากเกินไปมั๊ย หรือว่ารองพื้นดีอยู่แล้ว
...เสียงร้องฟังดูชัดเจนสดใสมั๊ย
ไม่ใช่ฟังแล้วเหมือนไม่เต็มใจร้องบอกซะก่อนนะครับ.....ว่า...ปรับยากครับ ! ! ! มันต้องมีประสบการณ์น่ะ
........หูต้องผ่านศึกสงครามทางด้านเสียงมานานพอควรเชียวแหละ
ก็มี trick เล็กๆน้อย แถมให้นะครับ
- เสียงร้องจะอยู่แถวๆ 1k หรือ 1000 Hz
- ย่าน 100 - 500 ถ้ายกมากเกินไป จะทำให้เสียง บวมมมมม
- ย่าน 2000 - 4000 เนี่ยตัวดี.. มันทำให้เสียงแข็งและหอนง่าย
- ขอซะอย่าง ไอ้ปรับเป็นรูปปีกนก เป็นสายรุ้ง เป็นท้องช้างอะไรนั่นน่ะ....มันใช้บ่ได้จ้าาา
- พยายามเน้นการลด...ไม่ใช่การยกนะครับ
- เพลงที่ใช้ปรับเสียงควรจะหลากหลายนะครับ ไม่ใช่ใช้มันอยู่เพลงเดียว ควรจะมีทั้ง jazz ทั้ง rock ทั้ง
acoustic เพลงบรรเลง เพลงร้อง
เฮ้อ.....ก็คงช่วยได้แค่นี้แหละครับ....ลองทำดูนะครับ
.ขอเอาบทความเก่าๆ(ที่หายไป)
ที่ผม save ไว้มาแปะนะครับ

เมื่อวานผมเอามาแต่บทสัมภาษณ์สั้นๆ ทีนี้เอาแบบที่เค้าเขียนปกติมั่งคับ มาจากตอนเดียวกัน คือ การ EQ ให้เสียงชัดเจนมากขึ้น
เค้าบอกว่า ปกติแล้วเนี่ย การที่เสียงนั้นๆไม่มีความเป็นตัวตนที่ชัดเจน (lack of definition) ก็เพราะว่ามีความถี่ช่วง 400-800 Hz มากเกินไป ความถี่ช่วงนี้จะทำให้เสียงมีลักษณะ ' boxy ' (แปลเป็นไทยไงดีล่ะคับ เหมือนอัดเสียงในกล่องอ่ะ อืมม..คงแบบอู้อี้ ไม่ค่อยรู้เรื่องมั้งฮะ)

ส่วนวิธีการแก้ไขก็ทำดังนี้ครับ (ต้องใช้ EQ แบบ parametric หรือ sweep นะครับ)

1.) ให้เราปรับปุ่ม gain หรือ boost/cut ลดลงประมาณ 8-10 dB

2.) sweep ความถี่ไปเรื่อยๆ จนถึงที่ๆคุณรู้สึกว่า เสียงมันมี definition มากที่สุด ไม่ boxy เท่าไรแล้ว

3.) ทีนี้ปรับปุ่ม gain หรือ boost/cut ของเราตามแต่รสนิยมครับ แต่ให้ระวังว่าถ้าลดมากไปจะทำให้เสียงบางได้

4.)ถ้าต้องการความชัดเจนมากอีกหน่อยลองเพิ่มที่ ช่วงความถี่เสียงกลางสูง (upper mids) ประมาณ 1-4kHz เอาแค่ 1-2 dB. ก็พอครับ หรือว่าอยากเพิ่มมากกว่านั้นก็ได้แต่ต้องระวังนิดนึง

5.)ถ้าต้องการเพิ่มความแวววาว, ทอประกายให้กับเสียง (sparkle) ลองเพิ่มช่วง 5-10kHz ดูครับ

6.)ถ้าต้องการเพิ่ม 'air' ให้รู้สึกโปร่งๆ ก็ลองเพิ่มตรง 10-15kHz ครับ

NOTE! ควรที่จะปรับลดเสมอถ้าเป็นไปได้ การปรับเพิ่มนั้น จะทำให้ความสัมพันธ์ของ phase เปลี่ยนไป ซึ่งจะทำให้เสียงนั้นมีสีสันอันไม่พึงปรารถนาได้ ปกติแล้ว ยิ่ง boost มากเท่าไร phase shift ก็มากตามไปด้วย และการ mix ก็จะยิ่งยากเข้าไปใหญ่ engineer หลายๆคนใช้ EQ เท่าที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ถ้าเสียงมันดี มันก็ดีนั่นแหละ

(Owsinski 1999, pp.28-9)

จบแล้ว สำหรับวันนี้ ฮา ฮา เฮ้ออ แปลยากจริงๆเลย ผมไม่รู้จะเรียกคำพวก sparkle, air, muddy, point, boxy, boomy ฯลฯ ที่ฝรั่งมันใช้อธิบายคุณภาพของเสียงเป็นภาษาไทยว่าอะไรดี ใครทราบช่วยบอกหน่อยนะค้าบ ครั้งหน้าผมจะได้เขียนให้มันเข้าใจง่ายกว่านี้
เค้าบอกว่านอกจากการปรับ EQ แบบนั้นแล้ว คุณยังสามารถปรับอีกวิธีได้ด้วย ลองทำดูนะครับ

1.) เริ่มจากการปรับ EQ ให้ flat ให้หมด (ปุ่ม boost/cut, gain อยู่ที่ตำแหน่ง 0 หมด) เสร็จแล้วปรับลดเสียงย่านความถี่ต่ำลงให้หมด (หมดเลยนะครับ cut ไป 18-20dB. หรือเท่าที่มันจะมีให้น่ะครับ)

2.) ใช้ EQ ส่วนที่เหลือแทน ค่อยๆ ปรับ upper mids (ประมาณ 1-4kHz) จนเสียงมันมีความหนาพอดีๆ

3.) จากนั้นก็มาปรับเสียง lower mids (ประมาณ 250-900Hz) ให้เสียงมันครบขึ้น

4.) จากนั้นค่อยๆปรับเสียงย่านความถี่ต่ำขึ้นมาครับ (จากที่เราปรับลดไปหมดเลย) ดูให้มันมีความหนักหน่วงพอสมควร แต่ไม่มากไปจนเสียงขุ่นมัว (muddy)

5.) เพิ่มความถี่สูงๆ เพื่อให้มันมี definition มากขึ้น
ธ.กสิกรไทย..สาขาตรัง  บัญชี .1162613126.
นายวิทวัส  แซ่ล้อ 081-2733655/075-261277
kea-music@hotmail.com 
https://www.facebook.com/bankeamusic
LINE ID0812733655


ออฟไลน์ บ้านเก๋มิวสิคจ.ตรัง081-2733655 ★★★

  • เจ้าของวง
  • *******
    • กระทู้: 9982
  • ร้าน บ้านเก๋มิวสิค จ.ตรัง 081-2733655
REVERB & DELAY

reverb ก็คือ เสียงก้อง ส่วน delay หรือ digital delay หรือที่พี่ไทยนิยมเรียกกันว่าเอคโค่ คือ เสียงสะท้อน

ตัวอย่างเสียงทั้งสองนี้ เท่าที่พอจะบอกได้ก็คือ
คุณลองก้มลงไปตะโกนใส่ในตุ่มน้ำใหญ่ๆ (ไม่มีน้ำนะ) นั่นเป็นเสียง reverb
ส่วนเสียงเอคโค่นั้นหาฟังได้ทั่วไปตามคาเฟ่ทุกแห่ง..ฮาโหล ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ นั่นแหละ

โดยเฉพาะ reverb นั้นผมเชื่อว่า น่าจะเป็น plugin ที่มีคนเขียนออกมามากที่สุดทั้ง vst และ dx ทำไมหรือครับ ? ก็เพราะว่ามันเป็น FX ที่ ต้องมี ขาดอะไรก็พอจะขาดได้ครับ แต่ขาด reverb ไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นงานของคุณมันจะแห้งกรังแข็งโป๊กไปเลยทีเดียว

โดยทั่วไปแล้ว reverb ที่มีในท้องตลาด ทั้งที่เป็น hardware,software และ plugin ทั้งหลาย มักจะมีค่า preset มาให้เราอยู่แล้ว preset ต่างๆเหล่านั้นก็เช่น hall1,hall2,room1,room2,large room,large hall,stadium,plate และอีกเยอะแยะ

ชื่อ preset ต่างๆนั้น ก็จะอธิบายความหมายในตัวมันเองอยู่แล้วนะครับ คือส่วนใหญ่ก็สื่อว่า เราจะจำลองเสียงออกมาแบบไหน..ห้องใหญ่,ห้องเล็ก,concert hall หรือว่าเป็น indoor stadium อะไรทำนองนั้น ซึ่งก็สะดวกสบายกับผู้ใช้อย่างผมอยู่มิใช่น้อย เพราะผมเองก็ใช้แต่ preset ตะพึดแหละครับ ไม่ได้ไปปรับเปริบอะไรมันหรอก

แต่.......รู้ใว้ก็ดีเหมือนกันนะครับ ว่ามันปรับยังไง เผื่อเอาไว้นั่งโม้กะเพื่อน มันจะได้ทึ่งเรางัย ว่า...เออ...ไอ้นี่มันรู้จริงเว๊ย (แต่ความจริงไม่รู้หรอก)

ผมจะว่าเฉพาะค่า parameter ที่สำคัญที่ควรรู้เท่านั้นนะครับ ค่าบางค่าก็ไม่รู้จะรู้ไปทำไม บางค่าปรับไปก็ไม่เห็นมันเปลี่ยนอะไร บางค่าผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

delay time อันนี้สำคัญที่สุดครับ รับรองว่าคุณต้องเจอใน reverb ทุกตัว มันคือตัวบอกว่า ระยะห่างของเวลาจากเสียงจริงถึงเสียง reverb นั้นห่างกันเท่าไหร่ มีหน่วยเป็น ms (millisecond) อันนี้ถ้ายกตัวอย่างเป็นเสียงเอคโค่จะเห็นภาพได้ชัดขึ้น...พอคุณตะคอกใส่ไมค์ว่า "ฮาโหล"...ก็นับไปเลยว่า อีกกี่ ms มันถึงจะมี "ฮาโหล ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ" วิ่งไล่ตามกันออกมาจากลำโพง นั่นแหละครับ delay time

input หรือ send in ไว้ปรับความแรงของสัญญาณเสียงจริงที่คุณจะป้อนเข้าไปใน reverb ควรจะตั้งเอาไว้สูงหน่อยครับ เพื่อให้ reverb มันทำงานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คือพูดง่ายๆว่าให้มันมองเห็นเสียงจริงน่ะครับ ตั้งไว้ซักบ่ายโมงบ่ายสองประมาณนั้น

dry-mix คือการปรับอัตราส่วนผสมของเสียงจริงและเสียงจาก reverb ว่าจะให้ค่อนไปทางไหน ถ้าคุณหมุนปุ่มค่อนมาทาง dry เสียงจริงก็จะดังกว่าเสียง reverb ถ้าคุณหมุนปุ่มค่อนมาทาง mix เสียงจริงก็จะเบากว่าเสียง reverb อันนี้ปรับไปตามรสนิยมนะครับ บอกกันไม่ได้ บอกได้แค่ว่า ถ้าเป็นเสียงร้อง ควรจะมีเสียง dry บ้างนะครับ ไม่งั้นจะฟังดูไม่มีพลัง

output ก็วอลลุ่มน่ะแหละ ง่ายๆ

repeat อันนี้เป็นของเอคโค่เค้าครับ คือตั้งจำนวนว่า จะให้มัน "อะโหล" ออกมาทั้งหมดกี่ครั้ง เช่น "โหล ๆ ๆ"....หรือ "โหล ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"
 ทั้ง ECHO หรือ REVERB นั้นให้ความรู้สึกในเรื่อง ขนาด ความกว้าง แคบ ใกล้ไกล ครับ เป็น EFX ที่นิยมใช้กันครับ ผมแนะนำได้แต่เพียงว่า ควรตั้งค่าเวลาให้เหมาะสม กับ ห้องเพลง ของเพลงนั้นๆ โดยเฉพาะ ECHO นั้นหากเวลามัน เหลื่อมๆ ไม่ลงตัว มันฟังยากครับ ดีไม่ดีพาล จะสื่อสารไม่รู้เรื่องเข้าป่าไปเลยครับ ไปดูเรื่อง BPM เพิ่มเติมนะครับ จะได้นำมาคำนวณ เวลา ให้เหมาะสม ครับ 1/1 1/2 1/4 ของห้องเพลง อะไรประมาณนี้ครับ
REVERB ผมแนะนำ ให้หางเสียงหมดพอดีกับห้องเพลงครับ
นอกเหนือจากนี้ ทำได้นะครับ แล้วแต่ มุมมอง Creative ของแต่ละท่าน เพียงแต่หาหลักการมาจับหน่อยมันจะได้ไม่ใช่ว่ามั่วไปเรื่อยๆครับ

อยู่ที่ความเหมาะสมครับ ผมจะเลือกใช้ให้เข้ากับสถานที่ด้วย อย่างงานในผับก็จะใช้โปรแกรมที่ให้เสียงกว้างๆเช่น Hall หรือถ้าเป็นกลางแจ้งก็จะใช้ Plate ส่วนEcho ก้เลือใช้เป็นเพลง บางทีก็ใช้กับเพลงเร็ว บางทีก็ใช้กับเพลงช้า ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความมันส่วนตัว(นิดหน่อย) ด้วยครับ

อารมณ์เพลงก็เป็นส่วนสำคัญนะครับ อย่างที่ท่านพี่ ๆ ทั้งหลายกล่าวมานั้นแหละครับควรเลือกให้เหมาะสมครับ
EFX ดีดีสักเครื่องหนึ่งมีโปรแกมให้เลือกเป็นร้อยครับ..... บางทีเราใช้แล้วชอบ ฟังดูดี แต่.......อารมณ์เพลงอาจจะไม่ใช้ก็ได้นะครับ
ธ.กสิกรไทย..สาขาตรัง  บัญชี .1162613126.
นายวิทวัส  แซ่ล้อ 081-2733655/075-261277
kea-music@hotmail.com 
https://www.facebook.com/bankeamusic
LINE ID0812733655


ออฟไลน์ บ้านเก๋มิวสิคจ.ตรัง081-2733655 ★★★

  • เจ้าของวง
  • *******
    • กระทู้: 9982
  • ร้าน บ้านเก๋มิวสิค จ.ตรัง 081-2733655
โดยทั่วไปการนำสัญญาณในระบบเสียงที่นิยมใช้กันนั้น มี 2 แบบคือ
1. BALANCE SIGNAL
2. UNBALANCE SIGNAL

การนำสัญญาณทั้งสองแบบ แตกต่างกันที่ตัวนำที่ใช้นำสัญญาณ
หรือ สายสัญญาณนั่นเอง สายบาลานซ์จะมีตัวนำ 3 เส้นในการนำสัญญาณ
ส่วน อันบาลานซ์ ใช้แค่ 2 เส้น

1. ฺBALANCE แจ็คที่ใช้กับสัญญาณบาลานซ์ ที่นิยม มี 2 แบบ คือ
1.1 XLR ( EXTRA LOW RESISTANCE ) ซึ่งหมานถึง สัญญาณที่มีความ
ต้านทานต่ำมาก ( เป็นผลให้สามารถเดินสายสัญญาณได้ไกล ๆ โดยปราศจาก
สัญญาณรบกวน ) โดยสัญญาณจากขาต่าง ๆ ที่ต่อเป็นมารตฐานสากล คือ
ขาที่ 1 กราวด์ หรือ shield
ขาที่ 2 สัญญาณ + หรือ HOT SIGNAL
ขาที่ 3 สัญญาณลบ หรือ COOL SIGNAL

2.2 1/4 TRS ( TIP RING SHEEVE ) ซึ่งหมายถึง จุด ต่อสามจุดของแจ็คแบบ TRS
โดย TIP จะเปรียบเสมือน ขาที่ 2 ของแจ็ค XLR, RING จะเหมือน ขาที่ 3
ของแจ็ค XLR และ S็HEEVE จะเหมือนกับ ขาที่ 1 ของแจ็ค XLR
..สายสัญญาณแบบ BALANCE มีการแยกสัญญาณ + และสัญญาณ - ออกจากกัน
โดยมีสาย Shield เป็นกราวด์ที่เดินคู่ขนานมาเพื่อป้องกันสัญญาณรบการ
จากภายนอก ทำให้สัญญาณที่ได้มีความสะอาด ใส เสียงสัญญาณรบกวน
( NOISE ) น้อย


2. UNBALANCE แจ็คที่นิยมใช้ในระบบเสียงสำหรับ UNBALANCE คือ
แจ็ค PHONO , RCA การต่อสัญญาณแบบนี้จะรวมเอาสัญญาณ -
หรือ COOL SIGNAL รวมไว้กับ กราวด์ หรือ SHEEVE ทำให้แทนที
สายกราวด์จะทำหน้าที่ป้องกันเสียงรบกวนอย่างเดียวเหมือน BALANCE
ต้องมาทำหน้าที่นำสัญญาณด้วย ดังนั้นสัญญาณรบกวน จากสายกราวด์
จึงปะปนมากับ สัญญาณ - จึงทำให้การต่อแบบ UNBALANCE จะมีสัญญาณ
รบกวนมาก ถ้ายิ่งเดินสายไกล ๆการใช้สายแบบ UNBALANCE
นั้นจะใช้เฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้สายไม่ยาวมาก เช่น สายแจ็คกีตาร์ สายแจ็ค
CD, TAPE ส่วนการเดินสายไกล ๆ เช่น สาย มัลติคอร์หรือ สาย CROSSOVER
จะนิยมใช้แบบ BALANCE มากกว่า

ธ.กสิกรไทย..สาขาตรัง  บัญชี .1162613126.
นายวิทวัส  แซ่ล้อ 081-2733655/075-261277
kea-music@hotmail.com 
https://www.facebook.com/bankeamusic
LINE ID0812733655


ออฟไลน์ บ้านเก๋มิวสิคจ.ตรัง081-2733655 ★★★

  • เจ้าของวง
  • *******
    • กระทู้: 9982
  • ร้าน บ้านเก๋มิวสิค จ.ตรัง 081-2733655
 Phantom Power +48Vdc คืออะไร มีไปทำไม เพื่ออะไร

สำหรับผู้ที่ใช้งานมิกเซอร์ทุกท่าน คงจะคุ้นตากับ ระบบไฟ Phantom Power +48Vdc

หรือ Phantom +48V ลองมาดูกันว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรครับ
ระบบไฟ Phantom Power +48Vdc เป็นไฟเลี้ยงขนาด 48V. ใช้งานเพื่อจ่ายไฟเลี้ยงให้

กับไมโครโฟนแบบคอนเดนเซอร์ (Condensor Microphone) เช่น ไมค์กลองที่ใช้สำหรับ

จ่อแฉ ฉาบ และ พวกไมค์สตูดิโอ เหล่านี้เป็นไมโครโฟนที่มีความไวสูง และ การใช้งาน

จำเป็นต้องมีไฟเลี้ยง Phantom 48V ดังกล่าว จึงจะสามารถใช้งานได้ และ สำคัญมากไฟเลี้ยง

Phantom 48V จะถูกจ่ายออกที่ช่องต่อแบบ XLR เท่านั้น และ การต่อสายต้องเป็นแบบ

Balance นะครับ เมื่อไม่ได้ใช้งานก็ควรจะ off สวิทช์ไว้ครับ
ถูกถามบ่อยมากว่าทำไมไมค์กลอง หรือ ไมค์สตูดิโอ ที่ซื้อมา
ใช้งานไม่ได้ ไม่มีเสียง ก็เพราะไมค์ของท่านเป็นไมค์แบบคอนเดนเซอร์ไงครับ ก็ต้อง

on ไฟ Phantom ที่มิกเซอร์ก่อนจึงจะใช้งานได้ครับ

หากมิกเซอร์ของท่านไม่มี Phantom Power แต่จำเป็นต้องการใช้งาน ท่านสามารถซื้อเครื่องจ่ายไฟ Phantom เพิ่มเติมได้เช่น NPE PP-2 หรือใช้ DI-Box ที่จ่าย Phontom + 48 V ได้ สามารถต่อพ่วงกับมิกเซอร์เดิมของท่านได้เลยครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก Tpeso
ธ.กสิกรไทย..สาขาตรัง  บัญชี .1162613126.
นายวิทวัส  แซ่ล้อ 081-2733655/075-261277
kea-music@hotmail.com 
https://www.facebook.com/bankeamusic
LINE ID0812733655


ออฟไลน์ BMK Music

  • ต้องปลงเสียบ้าง ต้องปล่อยวางให้เป็น เราถึงจะเห็นนิพาน
  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 141
  • ซื่่อสัตย์ อดทน รักษาคำพูด อดออม คำอวยพรจากแม่ผม
สุดยอดมากมายครับ อ.เก๋ ดีเยี่ยมครับ ใครไม่รู้ให้รู้ไปครับ
สำนักงาน Hello Music (สวัสดีมิวสิค)  # นายสันติ  แสงแก้ว 164/4 หมู่1 ตำบลละหาร อำเภอ ปลวกแดง จังหวัดระยอง 21140 โทร08-0564-5614"ชื่อบัญชี นายสันติ  แสงแก้ว ธนาคาร กรุงไทย สาขาท่าประดู่ เลขบัญชี 235-0-01223-9 มี เครื่องไฟขยายเสียง/ไฟประดับ/คาราโอเกะ/เวที/ดนตรี/ภาพยนต์/รถแห่/038-032-089-08-0564-5614


ออฟไลน์ จำนงค์

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 282

คุณเก๋ครับช่วยบอกการต่อสาย และการปรับ EFFECT เบอร์ริงเจอร์ตัวนี้หน่อยครับ
http://tiggersound2.com/upload/imagesMember/2011/02/13/40724_1297571001.jpg


smiley4 แทงคิวหลาย ๆ ครับ   smiley4
นายจำนงค์  พันธุรัตน์  583 ม.4 ต.ไทรงาม อ,ไทรงาม จ.กำแพงเพชร  62150  โทร  0931516271

ธนาคารกรุงไทย   เลขบัญชี   634-1-03426-1

นายจำนงค์  พันธุรัตน์


ออฟไลน์ amuchit ampron

  • ไม่มีอะไรได้มาแบบง่ายๆ ถ้าไม่ขยันและอดทนทีมงานลูกทุ่งออดิโอ
  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 1665
    • http:ToYote888@hotmail.com
แจ่มมากคัฟ ท่านเก๋  ท่านพี่อ๊อด smiley4 smiley4
นาย อนุชิต อำพร(DJเจี๊ยบ) 295หมู่10ต.บ้านนาอ.บ้านนาจ.นครนายก 26110 TL080 5669884,084 8828646 เลขบัญชี 406 617 5473ธ.ไทยพานิชย์ สาขาเทสโก้โลตัส นครนายก รับทำลำโพงตามสั่งทุกแบบ บริการจัดโต้ะจีนพร้อมโปโมชั่น ของแถมมากมายรับงานนักร้องแดนเซอร์ อุสมา สุขชม 295 หมู่10 ต.บ้านนา อ.บ้านนา จ.นครนายก 26110


ออฟไลน์ somkhaun

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 255
    • https://www.facebook.com/somkhauni

ขอบคุณความรู้ที่อ่านจากข้อความของพี่ๆข้างบนนะครับ
สมควร   อินทพรม   Tel  0866438537<br /><br />เลขบัญชี   003-2-26872-4    ออมทรัพย์   กสิกรไทย<br />กลอรี่เฮ้าโครงการ2     35/73 หมู่ 14 ต. คลองหนึ่ง อ. คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120


ออฟไลน์ seses12345

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 599
ขอบคุณครับสำหรับความรู้ดีๆๆ
ศิวาวุธ เงินโชคอำนวย 
21 ถ.ประชาสงเคราะห์ ซ.ประชาสงเคราะห์31  เขต ดินแดง  อำเภอ ดินแดง จ.กรุงเทพ 10400 โทร 085-163-5818


ออฟไลน์ ชาญ เมืองคง

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 535

ตามภาพเบสผมเข้าใจแล้ว แต่เสียงกลางเพาเวอร์ 4 แท่นปรับโหมด pararell แล้วเอาสายสัญญาณlink กันทุกแท่น(ได้ภาพตอนlinkหลังเพาเวอร์ยิ่งจะกระจ่างครับ) หรือปรับโหมด stereo แล้ว link กันทุกแท่นครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ จากผู้เริ่มหัดเดินครับ
วิชาญ  บุญกลาง  สภ.สีดา  ต.สีดา อ.สีดา จ.นครราชสีมา (30430)    TRUE 095-3971553


ออฟไลน์ STP SOUND

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 327
มางานเลี้ยงวันที่ 15 ก.พ. นะเพื่อนเดี๋ยวเขียนรูปไห้ดูเลย
ร.ต.อ.จักรพันธุ์ จันทะล่าม สภ.คง  ตำบล เมืองคง  อำเภอ คง จังหวัด นครราชสีมา 30260 TEL : 091-827-7112 ธ.กรุงไทย 302-0-03074-9