Tigger Sound
สังคมออนไลน์คุณภาพของคนรักเครื่องเสียง
ทดสอบเสียง HK1.1 By Tiggersound https://www.facebook.com/tiggersound/videos/10218510874389162

mosfet กับ bipolar ที่แตกต่างกัน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ครูเบียร์

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 503
  • ''อยากร้องเมื่อไหร่ก็โทรมา"โอกาศ+ฝึกฝน=สำเร็จ
mosfet จะให้เสียงที่แน่นกว่า bipolar นี่จะออกนุ่มๆ หรือยังไง
 kiss6
สตาร์มิวสิค ครูเบียร์ ผดุงวิทย์ ดิษฐเจริญ วิทยาลัยการอาชีพวิเชียรบุรี 100 ม.5 ต.สระประดู่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ 67130 082-7681423 "ยากเพราะคิด สัมฤทธิ์เพราะทำ" ธนาคารกสิกรไทย 040-3-57623 ID:coolbeers


ออฟไลน์ ชายอิสระ

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 637
  • เลิกงานค่อยมีลมหายใจเป็นของตัวเอง
mosfet จะให้เสียงที่แน่นกว่า bipolar นี่จะออกนุ่มๆ หรือยังไง
 kiss6
ถ้าเป็นข้อแตกต่างทางด้านการใช้ประสาทสัมผัสทางหูนั้น คงเป็นดั่งที่กล่าวไว้ครับ เฟตออกแนวหนักแน่นดุดัน สะใจแต่แพง  ไบโพล่า ลงลึก นุ่มนวล ถูกกว่าอันนี้แน่ๆ แต่ก็ต้องดูถึงองค์ประกอบอีก ทั้งตู้ ดอก ถึงจะบอกได้ว่าเสียงเป็นยังไง
มือมิกส์มาสิบคน ไม่เหมือนกันสักคน หูเราได้ยินไม่เท่ากัน ขอให้คนที่ฟังเขาบอกว่าใช้ได้นั้นหมายถึงความพึ่ง พอใจนั้นเอง เพราะเราต้องการให้เขาพอใจนั้นคือประเด็นสำคัญ  ;D
แต่ถ้าจะบอกว่ามันต่างกันยังไง คงต้องรายยาวไปถึง จังชั่นของตัวมันเลยครับ ใครเรียน อิเลคมาตอบหน่อยครับ
 smiley4 smiley4
ศุภวัฒน์ สุขเสริม 1/12 ถนนพรหมเทพ ตำบลในเมือง
 อำเภอเมือง สุรินทร์ 32000  084-417-2041 เลขที่บัญชี ธนาคารกรุงเทพสาขาสุรินทร์ 301-4-77277-0
ที่ทำการ MAX SOUND 2 บ้านหนองดุม ต.ศรีสุข อ.สำโรงทาบ สุรินทร์ 32170


ออฟไลน์ ครูเบียร์

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 503
  • ''อยากร้องเมื่อไหร่ก็โทรมา"โอกาศ+ฝึกฝน=สำเร็จ
ขอบคุณสำหรับคำตอบที่ได้รับ มีท่านใดที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้อีก
 kiss6
สตาร์มิวสิค ครูเบียร์ ผดุงวิทย์ ดิษฐเจริญ วิทยาลัยการอาชีพวิเชียรบุรี 100 ม.5 ต.สระประดู่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ 67130 082-7681423 "ยากเพราะคิด สัมฤทธิ์เพราะทำ" ธนาคารกสิกรไทย 040-3-57623 ID:coolbeers


ออฟไลน์ เจตน์ซาวด์

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 126
  • งานมีไม่มากแต่ใจรักที่จะทำ
ผมว่ามันขึ้นอยู่ที่เราใช้ว่าเราเหมาะที่จะเป็นแบบไหนนะครับ(ตามที่เคยใช้มานะครับ)เช่นมอสเฟสที่ผ่านมากเสียงจะแข็งครับแต่ความทนแรงต้องยกนิ้วให้เลยครับ ส่วนไบโพร่า มันก็อยู่ที่เกรดครับว่าเราใช้แบบไหนความทนทานก็จะน้อยลงมากน่อยครับเสียงนุ่มครับ แต่ผมใช้ตู้สูตรดับบริวครับเลยใช้มอสเฟสขับครับต้องการแน่นแรงครับ(ไงก็ท่านต่อไปจัดต่อเลยครับความรู้มาจากการใช้งานครับ) smiley4
Jetsound รับงานทุกประเภทครับ <br />อภิสิทธิ์ เลื่อนฤทธิ์<br />76/2 ม.4 ป่าบง สารภี เชียงใหม่ 50140<br />เบอร์ 0895610080 <br />เลขที่บัญชี 3904507633
ธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย  5010545659 ครับ


ออฟไลน์ ครูเบียร์

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 503
  • ''อยากร้องเมื่อไหร่ก็โทรมา"โอกาศ+ฝึกฝน=สำเร็จ
เพื่อนสมาชิคมาให้ข้อมูลได้อีก รออยู่
 kiss6
สตาร์มิวสิค ครูเบียร์ ผดุงวิทย์ ดิษฐเจริญ วิทยาลัยการอาชีพวิเชียรบุรี 100 ม.5 ต.สระประดู่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ 67130 082-7681423 "ยากเพราะคิด สัมฤทธิ์เพราะทำ" ธนาคารกสิกรไทย 040-3-57623 ID:coolbeers


ออฟไลน์ ชายอิสระ

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 637
  • เลิกงานค่อยมีลมหายใจเป็นของตัวเอง
ไม่มีใครตอบสักที หามาให้ อ่านเอาเองละกัน รูปเอามาไม่ได้ ไม่รู้วิธี โง่เอง
 rolleyes2 rolleyes2 smiley4 smiley4

ทรานซิสเตอร์เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำที่สามารถทำหน้าที่ ขยายสัญญาณไฟฟ้า เปิด/ปิดสัญญาณไฟฟ้า คงค่าแรงดันไฟฟ้า หรือกล้ำสัญญาณไฟฟ้า (modulate) เป็นต้น การทำงานของทราสซิสเตอร์เปรียบได้กับวาลว์ที่ถูกควบคุมด้วยสัญญาณไฟฟ้าขาเข้า เพื่อปรับขนาดกระแสไฟฟ้าขาออกที่มาจากแหล่งจ่ายแรงดัน

บทนำ
ทรานซิสเตอร์แบ่งได้เป็นสองประเภทคือ ทรานซิสเตอร์แบบรอยต่อคู่ (Bipolar Junction Transistor, BJTs) และทรานซิสเตอร์แบบสนามไฟฟ้า (Field Effect Transistors,FETs) ทรานซิสเตอร์จะมีขาเชื่อมต่อสามจุด อธิบายโดยย่อคือเมื่อมีการปรับเพิ่มแรงดันไฟฟ้าที่ขาหนึ่งจะส่งผลให้ความนำไฟฟ้าระหว่างขาที่เหลือสูงขึ้นอันทำให้สามารถควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้าได้ อย่างไรก็ตามหลักทางฟิสิกส์ในการทำงานของทรานซิสเตอร์ทั้งสองแบบ(ชนิดรอยต่อคู่และชนิดสนามไฟฟ้า)มีความแตกต่างกันอยู่มาก ในวงจรอนาลอกนั้นทรานซิสเตอร์จะถูกใช้ขยายสัญญาณต่างๆ เช่น สัญญาณเสียง สัญญาณความถี่วิทยุ หรือควบคุมระดับแรงดัน รวมทั้งเป็นแหล่งจ่ายไฟฟ้าแบบสวิชชิ่งในเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย ทราสซิสเตอร์ก็ยังถูกใช้ในวงจรดิจิทัล เพียงแต่ใช้งานในลักษณะการเปิด/ปิดเท่านั้น วงจรดิจิทัลเหล่านั้นได้แก่ วงจรตรรกะ (Logic gate), หน่วยความจำแบบสุ่ม (Random Access Memory, RAM) และไมโครโพรเซสเซอร์ เป็นต้น


ประวัติ
ในปี ค.ศ. 1928 สิทธิบัตรใบแรกของหลักการทำงานของทราสซิสเตอร์ได้ถูกจดทะเบียนโดย Julius Edgar Lilienfeld ในประเทศเยอรมนีนี ต่อมาในปี ค.ศ. 1934 นักฟิสิกส์ชาวเยอรมันชื่อ Dr. Oskar Heil ได้ขึ้นทะเบียนหลักการทำงานของทรานซิสเตอร์แบบสนามไฟฟ้า และในปี 1947 นักวิจัยชื่อ John Bardeen, Walter Brattain และ William Shockley ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างทรานซิสเตอร์ที่เบลแล็บ พร้อมทั้งส่งเข้าสู่สายการผลิตที่ เวสเทอร์นอิเล็กทรอนิกส์ ออลเลนทาวน์ รัฐเพนซิลวาเนีย เพียงสองทศวรรษต่อจากนั้น ทรานซิสเตอร์ก็ได้เข้าไปทดแทนเทคโนโลยีหลอดสูญญากาศในเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์แทบทุกชนิดและก่อให้เกิดอุปกรณ์ชนิดใหม่ๆ มากมายเช่น วงจรรวม และ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เป็นต้น

คำว่าทรานซิสเตอร์เกิดจากการรวมคำว่า transconductance หรือ transfer และคำว่า resistor เพราะตัวอุปกรณ์นั้นทำงานคล้ายวาริสเตอร์ (Varistor) คือสามารถเปลี่ยนค่าความต้านทานได้ ดังนั้นการตั้งชื่อจึงสามารถบรรยายการทำงานในเบื้องต้นได้

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1948 นักฟิสิกส์ชาวเยอรมันชื่อ Herbert F. Matare และ Heinrich Walker ซึ่งทำงานกับบริษัทลูกของ Westinghouse Corporation ในเมืองปารีส ฝรั่งเศส ได้จดสิทธิบัตรตัวขยายสัญญาณแบบโซลิดสเตทในชื่อว่า ทรานซิสตรอน เพราะว่าทางเบลแล็บไม่ได้เปิดเผยการค้นพบจนปี ค.ศ. 1948 ทรานซิสตรอนจึงถือเป็นการพัฒนาที่เกิดขึ้นโดยไม่เกี่ยวข้องกับทรานซิสเตอร์ในขณะนั้น การค้นพบทรานซิสตรอนของ Matare เกิดจากการสังเกตการเปลี่ยนความนำไฟฟ้าในเจอมันเนียมไดโอดจากอุปกรณ์เรดาร์ในสงครามโลกครั้งที่สอง ทรานซิสตรอนนี้ถูกนำมาขายและใช้งานในบริษัทโทรศัพท์และทางทหารของประเทศฝรั่งเศส และในปี ค.ศ. 1953 เครื่องรับวิทยุต้นแบบที่ทำงานจากทรานซิสตรอน 4 ตัวถูกนำมาแสดงในงาน Dusseldorf Radio Fair.

ความสำคัญ

ทรานซิสเตอร์ถือว่าเป็นหนึ่งในการประดิษฐ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ เฉกเช่น การพิมพ์ รถยนต์ และโทรศัพท์ ทรานซิสเตอร์ถือว่าเป็นอุปกรณ์แบบแอ็คทีฟหลักในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ ความสำคัญของทรานซิสเตอร์ในทุกวันนี้เกิดจากการที่มันสามารถถูกผลิตขึ้นด้วยกระบวนการอัตโนมัติในจำนวนมากๆ (fabrication) ในราคาต่อชิ้นที่ต่ำ

แม้ว่าทรานซิสเตอร์แบบตัวเดียว (Discrete Transtor)หลายล้านตัวยังถูกใช้อยู่แต่ทรานซิสเตอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นบนไมโครชิป (Micro chip) หรือเรียกว่าวงจรรวม พร้อมกับไดโอด ตัวต้านทานและตัวเก็บประจุเพื่อประกอบกันเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ วงจรอนาลอก ดิจิทัล หรือวงจรสัญญาณผสม (Mixed Signal) ถูกสร้างขึ้นบนชิปตัวเดียวกัน ต้นทุนการออกแบบและพัฒนาวงจรรวมที่ซับซ้อนนั้นสูงมากแต่เนื่องจากการผลิตที่ละมากๆ ในระดับล้านตัวทำให้ราคาต่อหน่วยของวงจรรวมนั้นต่ำ วงจรตรรกะ (Logic Gate) ประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ประมาณ 20 ตัว ในขณะที่หน่วยประมวลผล(Microprocessor) ล่าสุดของปี ค.ศ. 2005 ประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ราว 289 ล้านตัว

เนื่องด้วยราคาที่ถูก ความยืดหยุ่นในและความเชื่อถือได้ในการทำงาน ทรานซิสเตอร์จึงเปลี่ยบเหมือนอุปกรณ์ครอบจักรวาลในงานที่ไม่ใช่งานกล เช่น คอมพิวเตอร์แบบดิจิทัล เป็นต้น วงจรที่ทำงานด้วยทรานซิสเตอร์ยังได้เข้ามาทดแทนอุปกรณ์เชิงกล-ไฟฟ้า (Electromechanical) สำหรับงานควบคุมเครื่องมือเครื่องใช้ และเครื่องจักรต่างๆ เพราะมันมีราคาถูกกว่าและการใช้วงจรรวมสำเร็จรูปร่วมกับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นมีประสิทธิภาพในใช้งานเป็นระบบควบคุมดีกว่าการใช้อุปกรณ์เชิงกล

เนื่องด้วยราคาที่ถูกของทรานซิสเตอร์และการใช้งานคอมพิวเตอร์แบบดิจิทัลที่เกิดขึ้นต่อมาก่อให้เกิดแนวโน้มการสร้างข้อมูลในเชิงเลข (Digitize information) ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มากด้วยความสามารถในการค้นหา จัดเรียงและประมวลผลข้อมูลเชิงเลข และทำให้มีความพยายามมากมายเพื่อผลักดันให้เกิดการสร้างข้อมูลแบบดิจิทัล สื่อหลายๆ ประเภทในปัจจุบันถูกส่งผ่านรูปแบบของดิจิทัลโดยนำมาแปลงและนำเสนอในรูปแบบอนาลอกด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ การปฏิวัติทางดิจิทัลเช่นนี้ส่งผลกระทบสื่อเช่น โทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์


     ประเภทของทรานซิสเตอร์

    ทรานซิสเตอร์แบบรอยต่อคู่ (Bipolar junction transistor)
ทรานซิสเตอร์แบบรอยต่อคู่ (BJT) เป็นทรานซิสเตอร์ชนิดหนึ่ง มันเป็นอุปกรณ์สามขั้วต่อถูกสร้างขึ้นโดยวัสดุสารกึ่งตัวนำที่มีการเจือสารและอาจจะมีการใช้ในการขยายสัญญาณหรืออุปกรณ์สวิทชิ่ง ทรานซิสเตอร์แบบรอยต่อคู่ถูกตั้งขึ้นมาตามชื่อของมันเนื่องจากช่องการนำสัญญาณหลักมีการใช้ทั้งอิเล็กตรอนและโฮลเพื่อนำกระแสไฟฟ้าหลัก โดยแบ่งออกได้อีก2ชนิดคือ ชนิดเอนพีเอน(NPN) และชนิดพีเอนพี(PNP) ตามลักษณะของการประกบสารกึ่งตัวนำ


    ทรานซิสเตอร์แบบสนามไฟฟ้า (Field-effect transistor)


ทรานซิสเตอร์แบบสนามไฟฟ้า(FET) มีขาต่อสามขา คือ ขา เดรน(drain) เกท(gate) ซอร์ส(source) หลักการทำงานแตกต่างจากทรานซิสเตอร์แบบหัวต่อไบโพลาร์(BJT) นั่นคืออาศัยสนามไฟฟ้าในการสร้างช่องนำกระแส(channel) เพื่อให้เกิดการนำกระแสของตัวทรานซิสเตอร์ ในแง่ของการนำกระแส ทรานซิสเตอร์แบบสนามไฟฟ้าและแบบหัวต่อไบโพลาร์มีลักษณะของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน นั่นคือกระแสในทรานซิสเตอร์แบบหัวต่อไบโพลาร์จะเป็นกระแสที่เกิดจากพาหะส่วนน้อย(minor carrier) แต่กระแสในทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าจะเกิดจากพาหะส่วนมาก(major carrier)

ทรานซิสเตอร์แบบสนามไฟฟ้าฟ้าแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ

- JFET

- MESFET

- MOSFET ซึ่งแบ่งเป็นสองแบบคือ แบบ depletion และ enhancement

ทรานซิสเตอร์แบบสนามไฟฟ้าประเภทที่นิยมใช้กันมากที่สุดในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ คือ MOSFET เพราะสามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้สูงและราคาถูก


วัสดุสารกึ่งตัวในที่ใช้กับทรานซิสเตอร์

ออกไซด์ของซิลิกอน
ออกไซด์ของเจอเมเนียม


บรรจุภัณฑ์ของทรานซิสเตอร์

มีหลากหลายประเภท ตั้งแต่ตัวถังแบบพลาสติก โลหะ ลักษณะอาจเป็นตัวถังกลม แบน หรือแบบจานบิน


       การใช้งานทรานซิสเตอร์

   การใช้งานเป็นสวิตช์แบบอิเล็กทรอนิกส์
แบบ NPN จะต่อโหลดเข้าขา C ของทรานซิสเตอร์และต่อไฟลบเข้าขา E จากนั้นให้ทำการไบอัสกระแสเข้าขา B ซึ่งกระแสจะไหลจากขา C ไปยังขา B มากหรือน้อยขึ้นอยุ่กับการไบอัสกระแสที่ขา B ส่วนแบบ PNP จะต่อเข้าในลักษณะคล้ายกันเพียงแต่จะต่อสลับกันระหว่างขา B และ C




    จุดเด่นของทรานซิสเตอร์ที่เหนือกว่าหลอดสูญญากาศ
ทรานซิสเตอร์มีความร้อนต่ำกว่า และเล็กกว่า จึงทำให้ประหยัดเนื้อที่ของวงจรทำให้อุปกรณ์ในปัจจุบันมีขนาดเล็กลง กินไฟน้อยลง

ที่มา วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


 
 

มอสเฟตมาจากคำว่า Metal Oxide Semiconductor Field Effect Transistor เป็นเฟตที่ประกอบด้วยสารกึ่งตัวนำซึ่งได้รับ การเคลือบผิวบางส่วนด้วยโลหะออกไซด์ข้อเด่นของเฟตชนิดนี้คือ มีค่าความต้านทานอินพุต (หมายถึงค่าความต่านทานที่เกต ) สูงมาก
 
 
รูปแสดงวงจรสัมมูลย์ของ MOSFET
 
ข้อแตกต่างระหว่างเจเฟตกับมอสเฟตในเรื่องของโครงสร้างคือ ที่ขั้วต่อขาเกตของมอสเฟตจะมีฉนวนกั้นกลาง ดังนั้นขาเกต จึงไม่ถูกต่อเข้าโดยตรงกับชิ้นสารกึ่งตัวนำ สำหรับฉนวนกั้นกลางให้สารซิลิกอนออกไซด์
มอสเฟตยังแบ่งเป็น 2 แบบ คือ
แบบดีพลีชั่น (depletion)
และแบบเอนฮานซ์เมนต์ (enhancement)

การทำงานของมอสเฟตแบบดีพลีชั่น พิจราณาจากรูป ให้ขาเกตมีแรงดันเป็นลบ เมื่อเทียบกับขาซอร์สจะทำให้มีประจุลบเกิดขึ้น ที่ขาเกต และเกิดประจุบวกปรากฏขึ้นทางด้านที่ติดฉนวนซิลิกอนออกไซด์ ส่งผลให้เนื้อสารเอ็นที่มีอยู่น้อยมีขนาดลดลง ทำให้ช่องว่างระหว่าง ขาเดรนและซอร์สมากขึ้น กระแสก็จะไหลได้น้อยลง ลักษณะการทำงานเช่นนี้จะเหมือนกับการทำงานของเจเฟต
 
รูป แสดงโครงสร้างของมอสเฟตแบบ Depletion
 
รูป แสดงสัญลักษณ์ของมอสเฟตแบบ Depletion
 
กราฟลักษณะสมบัติของ D-MOSFET N-CHANNEL
 
กราฟลักษณะสมบัติของ E-MOSFET N-CHANNEL
     
      มอสเฟตแบบเอนฮานซ์เมนต์ (enhancement)
  การทำงานของมอสเฟตแบบเอนฮานซ์เมนต์ พิจราณาจากรูป เนื่องจากระหว่างสารเอ็นที่ขาเดรนและซอร์สเป็นสารพี ซึ่งแตกต่าง จากมอสเฟตแบบดีพลีชั่น ทำให้เมื่อป้องแรงดันบวกเข้าที่ขาเกต จะเกิดประจุลบขึ้นทำให้อิเล็กตรอนเคลื่อนที่จากสารเอ็นที่ขาซอร์สมายังเครนได้ จึงทำให้มอสเฟตทำงานได้ ดังนั้นมอสเฟตแบบนี้จะทำงานได้ต้องป้องแรงดันที่ขาเกตเป็นแรงดันบวกเท่านั้น และแรงระหว่างขาเกตและซอร์ส (Vgs) ที่ป้อนให้นี้ต้องมีค่ามากกว่า Vgs (th) (Gate Source thresshold voltage)
 
รูป แสดงโครงสร้างของมอสเฟตแบบ Enhancement
 
รูป แสดงสัญลักษณ์ของมอสเฟส แบบ Enhancement
 
กราฟลักษณะสมบัติของ E-MOSFET P-CHANNEL

คุณลักษณะการถ่ายโอนของ E-MOSFET P-CHANNEL



 










ศุภวัฒน์ สุขเสริม 1/12 ถนนพรหมเทพ ตำบลในเมือง
 อำเภอเมือง สุรินทร์ 32000  084-417-2041 เลขที่บัญชี ธนาคารกรุงเทพสาขาสุรินทร์ 301-4-77277-0
ที่ทำการ MAX SOUND 2 บ้านหนองดุม ต.ศรีสุข อ.สำโรงทาบ สุรินทร์ 32170


ออฟไลน์ ครูเบียร์

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 503
  • ''อยากร้องเมื่อไหร่ก็โทรมา"โอกาศ+ฝึกฝน=สำเร็จ
ขอขอบคุณที่ให้ข้อมูล มีท่านใดที่จะเพิ่มเติม
 kiss6
สตาร์มิวสิค ครูเบียร์ ผดุงวิทย์ ดิษฐเจริญ วิทยาลัยการอาชีพวิเชียรบุรี 100 ม.5 ต.สระประดู่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ 67130 082-7681423 "ยากเพราะคิด สัมฤทธิ์เพราะทำ" ธนาคารกสิกรไทย 040-3-57623 ID:coolbeers


ออฟไลน์ @:dv-sound:@[[ฅนเครื่องไฟ]]

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 165
  • [ลิขิตฟ้า หรือ ชะตาคน]
ยาวๆ ได้ใจความ....เยี่ยม  ;D
k2k Live Media&sound.
(dv-sound satun)258/12 m.2 t.kloungkut muang satun 91000
(dv-sound@hotmail.com)098 7038250


ออฟไลน์ [[ บินหลา ]]

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 562
  • ไม่แข่งกับใคร พอใจที่เรามี
เท่าที่ผมเคยลองเทียบกันระหว่าง modify me500 กับ s1200ใช้ขับดอกยูโรสติกเกอร์เขียว
ข้างละสองดอกความแรงที่ใด้ไม่ต่างกันs1200เบสจะนุ่มและแน่นกว่าลองเพิ่มตู้เป็นข้างละสาม
ตอนนี้ me500เบสกระแทกหน้าอกตึ๊บๆเลยส่วน s1200เบสไม่ดีเท่าข้างละสองไม่ใด้ผ่าน
เครื่องปรุงอะไรมากแค่ออกจากมิกส์เข้าเพาเวอร์เลย
บุญเหลือ  พยัคฆ์มะเริง 31/4 ม.5  ในเมือง ชัยภูมิ  36000<br />086-878-5433 บัญชีเลขที่ 307-0-80890-5  ชื่อบัญชี นายบุญเหลือ  พยัคฆ์มะเริง ธนาคารกรุงไทยสาขาชัยภูมิ


ออฟไลน์ semda

  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 1315
  • คิดดี ทำดี ไม่มีโกง ท่านมั่นใจได้
เท่าที่ผมได้ลองมานะครับ  มอสเฟต จะได้ความแข็ง ความกระแทกกระทั้นของกระเดื่องกลองครับ จะออกแน่นๆ แข็งๆ พุ่งออกเป็นเม็ดเป็นลูก ถ้าเป็นเสียงกลาง เสียงดังตับแตก ว่างั้นเถอะเสียงแหลม ก็แหลมบาดหู  เหมาะสำหรับเครื่องไฟ ลองหาแอมป์หน้าทองมาฟังดูครับ  ไบโพล่าร์ จะออกนุ่มๆไม่แข็ง ทุ้มนุ่มนวล เสียงกลางก็หวาน ไม่จัดจ้าน แหลม ก็ใสละเอียดดี เหมาะสำหรับงานดนตรีมากกว่า (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)  แอมป์เบสผมจะใช้มอสเฟตจานบิน
K-176+J-56  ส่วนกลางแหลม ผมใช้ทรานซิสเตอร์(ไบโพล่าร์) ครับ

นาย เกษม สิงห์แก้ว เลขที่ 97 หมู่ 8 ตำบล ดงเจน อำเภอ ภูกามยาว จังหวัด พะเยา 56000 TEL :  086-197-9660 / กสิกรไทย 209-2-25819-4 / ธ.กรุงไทย 512-0-31493-7
https://www.facebook.com/profile.php / id=100000264627453 / Line ID: 0861979660


ออฟไลน์ ครูเบียร์

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 503
  • ''อยากร้องเมื่อไหร่ก็โทรมา"โอกาศ+ฝึกฝน=สำเร็จ
 kiss6
สตาร์มิวสิค ครูเบียร์ ผดุงวิทย์ ดิษฐเจริญ วิทยาลัยการอาชีพวิเชียรบุรี 100 ม.5 ต.สระประดู่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ 67130 082-7681423 "ยากเพราะคิด สัมฤทธิ์เพราะทำ" ธนาคารกสิกรไทย 040-3-57623 ID:coolbeers


ออฟไลน์ ครูเบียร์

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 503
  • ''อยากร้องเมื่อไหร่ก็โทรมา"โอกาศ+ฝึกฝน=สำเร็จ
วงจรเดิม bipolar จะเปลี่ยนเป็น mosfet จะได้ไหม
 kiss6
สตาร์มิวสิค ครูเบียร์ ผดุงวิทย์ ดิษฐเจริญ วิทยาลัยการอาชีพวิเชียรบุรี 100 ม.5 ต.สระประดู่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ 67130 082-7681423 "ยากเพราะคิด สัมฤทธิ์เพราะทำ" ธนาคารกสิกรไทย 040-3-57623 ID:coolbeers


ออฟไลน์ romrun

  • สมาชิก
  • *
    • กระทู้: 19
ลองใช้วงจรของ แจ็ก sound ใช้ใด้ทั้ง mosfet และ bipolar ทุกเบอร์
นายณัฐวุฒิ เจริญดี   91/11 บ.โนนเบ็ญ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.สกลนคร 083-6634962


ออฟไลน์ semda

  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 1315
  • คิดดี ทำดี ไม่มีโกง ท่านมั่นใจได้
ลองใช้วงจรของ แจ็ก sound ใช้ใด้ทั้ง mosfet และ bipolar ทุกเบอร์

 TR 07 ก็ได้ครับ ใช้ได้ทั้งเฟต และไบโพล่าร์
นาย เกษม สิงห์แก้ว เลขที่ 97 หมู่ 8 ตำบล ดงเจน อำเภอ ภูกามยาว จังหวัด พะเยา 56000 TEL :  086-197-9660 / กสิกรไทย 209-2-25819-4 / ธ.กรุงไทย 512-0-31493-7
https://www.facebook.com/profile.php / id=100000264627453 / Line ID: 0861979660


ออฟไลน์ ครูเบียร์

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 503
  • ''อยากร้องเมื่อไหร่ก็โทรมา"โอกาศ+ฝึกฝน=สำเร็จ
เพื่อนสมาชิคท่านใดลองทำแล้วช่วยแจ้งผลด้วย
สตาร์มิวสิค ครูเบียร์ ผดุงวิทย์ ดิษฐเจริญ วิทยาลัยการอาชีพวิเชียรบุรี 100 ม.5 ต.สระประดู่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ 67130 082-7681423 "ยากเพราะคิด สัมฤทธิ์เพราะทำ" ธนาคารกสิกรไทย 040-3-57623 ID:coolbeers