Tigger Sound
สังคมออนไลน์คุณภาพของคนรักเครื่องเสียง
ทดสอบเสียง HK1.1 By Tiggersound https://www.facebook.com/tiggersound/videos/10218510874389162

ผลของการ "โกงในเว็ปทิกเกอร์"

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เลขาฯ พรมม์

  • คนเดียวหัวหาย 2 คนหาย 2 หัว
  • เลขาประธานทิกเกอร์
  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 2059
https://www.tiggersound.com/webboard/index.php?topic=363878.0

แล้ววันแห่งความสำเร็จก็มาถึง ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานานและได้ไม่ครบก็ตาม...

คำว่า "ผม" ในข้อความที่จะกล่าวต่อในที่นี้ หมายถึง ประธานเว็ปทิกเกอร์ (นิมิตร จุูจันทร์) ครับ.
 
     จากกระทู้นี้ ผมคิดว่าหลายท่านคงยังจำกันได้นะครับ ถึงเรื่องที่บัญชีกลาง ได้ถูกแฮ๊กและเปลี่ยนแปลงลายเซ็นของเพื่อนสมาชิกของผู้ขายทั้ง 2 ท่าน ถึงแม้เรื่องราวจะผ่านมาถึงเกือบ 2 ปีเต็ม ผมเองในฐานะผู้ดูแลบัญชีกลางและเป็นประธานของเวปบอร์ดแห่งนี้ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่เกิดเรื่องวันแรกก็ได้เข้าแจ้งความกับท้องที่ๆรับผิดชอบและจนกลายเป็นคดีฟ้องร้องระหว่างโจทย์คือผมและจำเลยคือ นายบุญส่ง ลำจวน ซึ่งคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการแยกเป็น 2 คดีในวาระกรรมเดียวกันคือ คดีฉ้อโกงและคดี พรบ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็น 2 คดีแต่วาระเดียวกัน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...

...ในรูปคดีก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะทำสำนวนฟ้องร้องผู้กระทำผิด ผมเองในฐานะของผู้เสียหาย ได้ขึ้นโรงพักเพื่อสอบสวนถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็ขึ้นโรงพักอยู่หลายรอบครับ เนื่องจากการทำสำนวนต้องรัดกุมและมัดตัวผู้ต้องหา เมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ถูกต้อง ทางอัยการก็จะตีสำนวนกลับให้ทางพนักงานสอบสวนทำเรื่องใหม่ เป็นแบบนี้มา 3-4 ครั้งเห็นจะได้ครับ...

...ประมาณกลางปีที่แล้วพนักงานสอบสวนได้โทรศัพท์มาแจ้งกับผมว่า นายบุญส่ง ลำจวน ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.ท่ามะกา ตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ ซึ่งนายบุญส่งเอง ก็เข้ามาพบเจ้าพนักงานสอบสวน ลงบันทึกประจำวัน และ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ปล่อยตัวกลับไปเพราะยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาและไม่คิดจะหลบหนี (นายบุญส่งที่อยู่ปัจจุบัน อยู่ที่แม่สอด จังหวัด ตาก) ตัวนายบุญส่งเอง ก็ถูกหมายเรียกหลายท้องที่มากครับ ที่ สน.มักกะสัน กทม. ถูก ตม.ที่แม่สอด จังหวัดตากจับตัวไว้ ถูกควบคุมตัวไปที่โรงพักที่เชียงราย เพราะมีคดีที่ถูกแจ้งข้อหาไว้ ก็เลยต้องถูกจับและประกันตัวด้วยวงเงิน 75,000 บาท (เป็นคำบอกเล่าภายหลังที่นายบุญส่งได้เล่าให้ฟัง หลังจากคดีฉ้อโกงสิ้นสุด)...

...จากการที่นายบุญส่งได้ถูกหมายเรียกและถูกดำเนินคดีนั้น ชื่อของนายบุญส่งจะติดลิสตาม ตม. ต่างๆทั่วประเทศ จึงไม่สามารถที่จะออกนอกประเทศได้ ตอนนั้นนายบุญส่งก็ยังไม่รู้ครับว่าตัวเองถูกหมายจับอยู่ ตัวนายบุญส่งจะไปทำธุระที่ฝั่งพม่า เมื่อไปขอวีซ่าเพื่อออก นายบุญส่งเล่าให้ฟังว่า การขอวีซ่าครั้งล่าสุด ทำไม ตม. จึงทำเรื่องนานมาก ซึ่งไม่เคยนานแบบนี้มาก่อน จนในที่สุด พนักงาน ตม. มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมารวบตัวและส่งดำเนินคดีที่เชียงรายและต้องประกันตัว ตามที่ได้เล่าให้ฟังแต่แรก...

...เมื่อประมาณกลางปี 2017 คือปีนี้ ผมมีหมายศาลให้ไปฟังเกี่ยวกับคดีนี้แต่เป็นนัดไกล่เกลี่ยของทั้งคู่ ว่าจะลงลงกันยังไง ครั้งแรกที่เข้าไปฟัง ศาลนั่งบัลลังค์ ผมเองยังไม่มีทนาย ไม่มีอัยการ แต่ฝั่งของนายบุญส่งมีทนายมาด้วย แต่เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ศาลนัดเพื่อไกล่เกลี่ยตกลงกันว่าจะเอายังไง ในข้อเสนอของผมก็คือการชดใช้ค่าเสียหายที่ผมได้โอนเงินเข้าบัญชีของนายบุญส่งทั้งหมด 45,500 บาท คืนแก่ผมทั้งหมด ซึ่งข้อนี้นายบุญส่งแจ้งต่อศาลว่า เขาไม่ผิดและไม่ยอมชดใช้ เมื่อตกลงกันไม่ได้ ศาลจึงตั้งอัยการให้ผม 1 ท่าน (เป็นอัยการไม่ใช่ทนายนะครับ) หลังจากนั้นศาลก็จะนัดกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องส่งฟ้องซึ่งเป็นคดีความตามนั่นเอง...

...วันที่ 2 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์จากศาลกาญจนบุรี ว่าวันนี้จะมีการตัดสินคดีของผม ซึ่งบังเอิญว่าผมเองไม่ได้รับหมายศาลในครั้งนี้และช่วงบ่ายของวันนั้นผมไปทำธุระใกล้ๆศาลพอดี จึงทราบต่อมาภายหลังว่า อัยการที่ทางศาลได้โทรมาหาผม ให้ไปฟังคำพิพากษาที่บัลลังค์ 8 ชั้น 2 ผมก็รีบไปทันที และไม่ได้เตรียมเอกสารอะไรเลย คือไปมือเปล่าเพราะโดนเรียกโดยบังเอิญเพราะไม่มีหมายศาลนั่นเองครับ...

...การสืบสวนและสอบปากคำของนายบุญส่งเล่าให้ฟังว่า ในส่วนตัวเขานั้นเขาไม่ทราบว่า ชื่อและที่อยู่หมายเลขบัญชีธนาคารได้เข้าไปอยู่ในเวปทิกเกอร์ได้อย่างไรและนายบุญส่งได้แจ้งกับทางศาลว่า เขาทำหายไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ซึ่งก็แปลกตรงที่ว่า ข้อมูลส่วนตัวหายไปทั้งหมดตั้งแต่ทะเบียนบ้าน สมุดธนาคาร บัตร ATM รวมถึงรหัสบัตรก็หายหมด นี่เป็นคำแก้ตัวของนายบุญส่งเอง และเมื่อเกิดเรื่องขึ้น นายบุญส่งเพิ่งจะไปแจ้งความอายัดบัตร หมายเลขธนาคาร ภายหลังเกิดเรื่อง ซึ่งตรงนี้ก็ฟังความไม่ขึ้นครับ ซึ่งในการพูดคุยครั้งนี้ นายบุญส่ง อาจจะจนด้วยหลักฐานต่างๆซึ่งการสืบสวนสอบสวนเรื่องทั้งหมดยังมีอะไรก่อนหน้านี้มากมายครับ ผมก็เล่าไม่ไหว จนสุดท้ายศาลถามนายบุญส่งว่าจะยอมรับหรือไม่ เพราะคดีฉ้อโกงสามารถตกลงกันได้ ถ้ายินยอมรับใช้ค่าเสียหายและ พรบ.คอมพิวเตอร์ ไม่สามารถที่จะยินยอมได้ แต่คดีฉ้อโกงต้องจบลงก่อน สุดท้าย นายบุญส่งก็ยอมรับผิดคือยอมชดใช้ให้ แต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้กระทำ เมื่อนายบุญส่งยอมรับผิดว่าจะชดใช้ให้ ทางศาลท่านก็ให้ทนายฝ่ายจำเลยถามผมว่าถ้าจะชดใช้ให้ทางผมจะสามารถลดหย่อนได้อีกหรือไม่  ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยบอกว่า ถ้าจะชดใช้ให้ก็ได้แต่ขอคืน 40,000 บาทถ้วน ก็ลดไป 5,500 บาท ผมก็คิดว่าอย่างน้อยเราก็ได้เงินคืน ถึงแม้ว่ามันจะไม่เต็มตามจำนวนที่เสียไป ได้คืนมาก็ยังดีครับ...

...เมื่อตกลงว่าจะคืนเงินให้ตามที่ผมขอ นายบุญส่งก็แจ้งอีกว่า ผมไม่มีเงินตอนนี้จะขอผ่อนชำระให้ก็คือมีมากให้มาก มีน้อยให้น้อย (ผมล่ะเซ็งเลยตอนนั้น) ก็เจรจาต่อว่าถ้างั้นผมของ 10 เดือน ๆ ละ 4,000 บาทจะได้หรือไม่ นายบุญส่งก็ตอบตกลง ในช่วงนั้นเองทางทนายของนายบุญส่งแจ้งว่า นายบุญส่งจะต้องไปขึ้นศาลที่เชียงรายในข้อหาผิด พรบ.คอมพิวเตอร์อีก ซึ่งคดี พรบ.คอมพิวเตอร์นั้นมันจะเกี่ยวโยงถึงข้อหาฉ้อโกงด้วย และ อัยการของผมที่ศาลแต่งตั้งให้ก็ได้แถลงต่อหน้าศาลว่า คดีของผู้เสียหายเป็น 2 คดีในวาระเดียวกัน ซึ่งคดีฉ้อโกงนั้นถ้าหากจำเลยยังมีการชดใช้ให้กับผู้เสียไม่หมด จะมีผลทำให้คดีผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ลงโทษจำเลยได้เลย เพราะวันที่ 9 ตุลาคม 2017 ของเดือนนี้เมื่อขึ้นศาลถ้าหากศาลพิจารณาว่าผิดจริง จำเลยจะมีโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 1 แสนบาททันทีโดยไม่รอลงอาญา สืบเนื่องมาจาก คดีฉ้อโกงซึ่งเป็นคดีแรกยังไม่สิ้นสุด ในช่วงนี้เอง ทนายของนายบุญส่งจึงได้ปรึกษากันถึงเรื่องคดีทั้ง 2 นี้ สุดท้ายทนายของนายบุญส่งจึงแจ้งต่อศาลว่า นายบุญส่งจะขอชดใช้คดีที่ 1 ในข้อหาฉ้อโกงให้จบภายในวันนี้เพื่อปิดคดี โดยจ่ายเงินคืนแก่ผู้เสียหายทั้งหมดเป็นเงิน 40,000 บาทถ้วน ซึ่งมาถึงเวลานี้นายบุญส่งกลับมีเงินขึ้นมาซะยังงั้น เมื่อตกลงตามนี้ ทนายของนายบุญส่งได้เอาเงินสดจากนายบุญส่งมามอบให้ผม 20,000 บาท และอีก 2 หมื่นบาท ทางภรรยาของนาบบุญส่งที่มาด้วย ได้โอนเงินอีก 20,000 บาท เข้าบัญชีส่วนตัวของผม เป็นอันครบตามจำนวนเงินที่ตกลงก็คือ 40,000 บาท ส่วนอีก 5,500 บาท ก็ลดให้กับจำเลยตามข้อตกลง....

...เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างตกลงกันได้ ศาลก็อ่านคำพิพากษาต่อ ตามเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงการยอมรับสารภาพของจำเลยถึงการกระทำผิดครั้งนี้ ส่วนคดีผิดพรบ.คอมพิวเตอร์นั้นยังไม่จบ นายบุญส่งยังไงก็ต้องไปขึ้นศาลที่เชียงรายอีกรอบหนึ่งในวันที่ 9 ตุลาคม นี้ครับ ซึ่งตรงนั้นก็แล้วแต่ศาลจะพิจารณาว่าจะเป็นอย่างไร เพราะมีการแจ้งความไว้แล้ว นายบุญส่งก็ถูกศาลปรับอีก 2,000 บาท ของคดีนี้ตามคำสั่งของศาล...

...จากการวิเคาะห์ถึงคดีฉ้อโกงของผมนี้เราก็จะได้บทเรียนให้กับสมาชิกหลายๆท่านว่า เรื่องราวแบบนี้ถ้าเราเอาจริง อย่าเงียบ อย่ากลัวกับการขึ้นโรงขึ้นศาล ความยุติธรรมมันเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและตรงไปตรงมา ผมไม่ได้เสียค่าอะไรแม้แต่บาทเดียว ได้ความอนุเคาะห์จากศาลได้แต่งตั้งอัยการให้ผม ก็ต้องขอขอบคุญศาลไว้ในที่นี้ด้วย และก็จะขอเตือนถึงใครก็แล้วแต่ที่คิดจะมาฉ้อโกงคิดไม่ดีต่อเวปทิกเกอร์โดยการเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัว แก้ไขข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือใส่ข้อมูลเพื่อหลอกลวงให้เราเสียหาย ข้อหาที่ท่านจะถูกกล่าวหานั่นคือ ผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ครับ เพราะคดีนี้ผู้เสียหายจะเป็นเจ้าพนักงานที่แจ้งข้อหาท่านและคดีนี้จะยอมความกันไม่ได้ จนกว่าจะมีการพิสูตรหลักฐานต่างๆและคดีมีโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะใคดีนี้เองที่ทำให้นานบุญส่งต้องยอมจ่ายเงินคืนผมและต้องปิดคดีโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ศาลได้เห็นความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น ถ้าไม่เช่นนั้น การขึ้นศาลวันที่ 9 ตุลาคม นี้อาจจะส่งผลให้นายบุญส่งนอนคุกได้ และเงินอีก 40000 บาทของผม อาจจะได้คืนอีกหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ยิ่งถ้านายบุญส่งขอผ่อนผัน คดีนี้จะยืดเยื้อไปอีกเป็นปี เพราะถ้าผ่อนผันหมดจนครบ ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องมาปิดคดีที่ศาลกันอีกรอบ ตรงนี้ล่ะที่ทำให้นายบุญส่งคิดหนัก สุดท้ายจึงยอมจ่ายเงินให้หมดเพื่อปิดคดีในวันเดียวกันให้จบนั้นเอง ถ้าหากไม่จ่ายให้จบ เมื่อขึ้นศาลในวันที่ 9 ตุลาคมที่จะถึง ศาลอาจจะติดสินไปในทางลบที่ไม่เกิดผลดีต่อนายบุญส่งนั่นเอง...

...สรุปแล้วคดีนี้ใช้ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2528 จนถึงเมื่อวานนี้ 2 ตุลาคม 2560 เป็นเวลา 2 ปี กับ 3 เดือน เป็นการปิดคดีที่ 1 ในคดีฉ้อโกง ส่วนคดีที่ 2 ผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ก็แล้วแต่ตามเวรตามกรรม ซึ่งผมก็ไม่รับรู้แล้วครับ ก็ว่ากันต่อไป...

..สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่ให้กำลังใจผมมาตลอด ขอขอบคุณน้ำใจท่านพี่  พิสิทธิ์ หรือนาม HONGYOK เป็นอย่างมากครับ ที่ประสานเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นและติดตามให้อย่างต่อเนื่องในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาในท้องที่ของท่านก็คือจังหวัดตากซึ่งบังเอิญเป็นจำเลยในท้องที่ของท่านเองด้วยและคดีที่ 2 ก็คือ ผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ก็ได้ท่านี่ล่ะครับ ที่มัดตัวนายบุญส่ง อีกคดีหนึ่ง ก็ต้องขอบคุณจากใจมาในที่นี้รวมถึงเพื่อนๆทุกท่านด้วยครับ...

...นายบุญส่งจะรับรู้กับการคิดไม่ซื่อหรือคตโกงหรือไม่ก็ตามหรือมีใครอยู่เบื้องของท่านหลังก็ขอให้ทราบแล้วกันว่า เราเอาจริงที่กัดไม่ปล่อย ไลน์ที่เคยเข้ามาขู่ จะลบเวปบ้างละ จะให้ทิกเกอร์หายไปทั้งระบบบ้างล่ะ ถ้าไม่จ่ายผม 1 แสนบาท ท่านอย่ามัวเอาแต่โม้โอ้อวด หรือขู่ผมมาตลอด ถ้าท่านทำได้ทำเลยครับไม่ต้องรีรอ อย่ามาขี้คุยแบบนี้อยากได้ 1 แสนบาทจากเวปไม่ใช่หรอครับ สักวันท่านจะรู้ครับ ว่าสิ่งที่ท่านทำ ท่านจะหนีไม่พ้นแห่งกฎกรรมที่ท่านทำไว้ สักวันท่านจะเจอดี อีกไม่นานแน่นอน...

...นิมิตร จูจันทร์ ประธานทิกเกอร์ซาวด์และผู้ควบคุมดูแลบัญชีกลาง...รายงาน...






....แจ้งถึงเหตุการณ์ทั้งหมดครับ...
...อย่างที่รู้ๆกันนะครับว่าบัญชีกลางนั้นจะมีหน้าที่รักษาเงินของเพื่อนสมาชิกเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้ากัน โดยการยื่นหมู่ยื่นแมว ผู้ซื้อโอนเข้าบัญชีกลาง ผู้ขายส่งสินค้า เมื่อสินค้าถึงมือทำการตรวจสอบสินค้า ผู้ซื้อแจ้งให้บัญชีกลางทราบ ทางบัญชีกลางก็จะโอนเงินให้กับผู้ขายตามลายเซ็นของผู้ขาย แบบนี้เรื่อยมา...
...แต่เหตุวันนี้ผมก็ทำหน้าที่ปรกติครับ เมื่อได้รับแจ้งว่ารับสินค้าเรียบร้อยแล้ว ท่านประธานช่วยโอนเงินได้เลยครับตามนี้...
..ผู้ที่ส่งข้อความเข้ามาก็คือ คุณ ชาญชัย หรือชื่อแสดงว่า  hongyok. ตามนี้ครับ


...มีการส่งลิ้งให้ตามปรกติ ผมก็เข้าไปโอนให้ตามปรกติเหมือนที่ทำมา 4 ปี ไม่เคยพลาด ผมโอนเงินตอน 5 โมงกว่า ดูใบแนบการโอนนะครับ ผมก็กลับบ้านปรกติ จนพี่ผจญ (เพิ่งมารู้ว่าผู้ขายชื่อ ผจญ  ใช่บัญชีกรุงไทยครับ)โทรเข้ามาถามว่าผู้ซื้อได้รับสินค้าหรือยัง ผมก็เลยตอบว่าผมโอนให้พี่ไปแล้วไงครับ ทั้ง 2 รายการ ตามลายเซ็นของพี่ ธนาคารที่โอนเป็น ธนาคาร ไทยพานิชย์ ตามลายเซ็น ครับ...
…จากข้อความที่ส่งมาผมมันชะล่าใจไปเองไม่ตรวจสอบก่อนว่าเป็นตัวจริงหรือเปล่า มารู้อีกทีเมื่อสาย เขาให้โอนเราก็โอน มาพลิ๊กหน้าดูอีกที เป็นหน้าของพี่ชาญชัย แต่กระทู้เป็น 0 พอพลิ้กไปอีกหน้ากระทู้พี่ชาญชัยออนอยุ่เป็นสีเขียวกระทู้มากมาย ถึงได้ถึงบางอ้ออีกว่าเราโดนเต็มๆแล้วครับ เพื่อนสมาชิกลองสังเกตุดูละกันเพราะมันเป็นอะไรที่ผมมองข้ามไปครับ..
..พอผมตอบกระทู้ไปสักพัก พี่ ผจณ บอกยังไม่เห็นมีเงินเข้าและ เขาก็ใช้ กรุงไทย ไม่ใช่ SCB  ผมได้ยินเท่านั้น ใจอยู่ที่ตาตุ่มแล้วครับ โดนไปแล้ว 45500 บาท ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง..
...การที่ผมโอนไปนั้นก็เป็นการโอนที่ปรกติ เพียงแต่ผมไม่ทราบเท่านั้นว่าชื่อผู้ขาย ชื่อจริงว่าอะไร ลายเซ็นเขียนว่าอย่างไร ธนาคารอะไรก็ตามนั้น แต่ผมชะล่าใจไปเองไม่ตรวจสอบให้จริงก่อนนั่นเองเพียงแต่เราไม่ทราบมาก่อนว่าลายเซ็นนั้นเป็นลายเซ็นที่ถูกแฮกและแก้ไขไปก่อนหน้าที่ผมจะโอนแล้วครับ...
..ตามระยะเวลาที่ผมติดตามกระทู้นี้มา ท่านจะสังเกตุเห็นว่าตอนนี้ผู้ขายที่ใช้ชื่อ tonphet  ยังมีรูป มีลายเซ็นอยู่ ผมจึงโอนไปตามนั้นเพราะที่ลายเซ๊นนั้น โดนลบชื่อออกไปก่อน เหลือแต่บ้านเลขที่และธนาคาร เท่านั้น หลังจากที่ผมโอนไปแล้ว ลายเซ็นเริ่มหายไปทีเรื่อยๆ รูปที่ส่งของก็ถูกลบ จนหมด และช่วง 2 ทุ่มกว่าๆที่ผมเฝ้าดูอยู่ เจ้าของผู้ขายถูกลบแม้กระทั่งชื่อตัวเองออกจากระบบครับ...
..นี่บ่งบอกให้รู้ว่าทุกคนหรือสมาชิกทุกคนมีสิทธิถูกแฮ๊กได้หมดครับ เบื้องต้นให้เพื่อนสมาชิกออกจากระบบก่อนแต่ต้องจำระหัสผ่านให้ได้นะครับเพราะเดี๋ยวออกแล้วจะเข้าไม่ได้ เมื่อเข้าได้แล้วให้เปลี่ยนพลาสเวิดทันทีครับ เพื่อป้องกันเบื้องต้นไว้ก่อน..


 smiley4



พรมม์ แก้วกันยา
111 ม.1 ต.คำตากล้า
อ.คำตากล้า สกลนคร 47250
084-7888-788
4191580884 กรุงไทย