คอนเสิร์ท ธรรม วันแสดงจริง



ก่อนที่จะเริ่ม (19.00 นฺ)ประชาชนก็เริ่มหลั่งไหลกันมา จนแน่นขนัด เก้าอี้ที่ทางวัดจัดไว้ให้ไม่พอนั่ง ต้นผ้าป่า บูชากัณฑ์เทศน์ ต้องเอามาเสริมอีก 2 ต้น


งานนี้ว่าจะชิวๆ บายๆ แต่ที่ใหนได้ วงมโหรีปี่พาทย์ ดันอยากมานั่งในเต๊นท์(อยู่หน้าตู้ พีเอ เล้ย) ห่างไม่เกิน 2 เมตร ดีที่โซนกลาง+แหลมได้เต๊นท์ช่วยบังไว้บ้าง
พระที่รับนิมนต์มาเทศน์ ก็มีทีมงานที่ดูแลเรื่องเสียงมาเอง โดยนำมิกซ์ เพาเวอร์ และลำโพงใส่ขาตั้งมาเอง(4 ตัว) พร้อมไมค์ทั้ง ไมค์ลอย ไมค์สายมาครบครัน แล้วดันมาตอนที่ใกล้เวลาจะทำการแล้วด้วย
วิธีการที่ท่านต้องการคือ ไมค์ทุกตัวใช้ของท่าน ทั้งเทศน์ ทั้งมโหรี แล้วท่านจะส่งจาก อ็อก ของมิกซ์ท่านมาให้เราหนึ่งเส้นเอาออกพีเอ อ้อ!! ลำโพงขาตั้งที่ท่านเตรียมมาท่านเอาไปไว้หน้าเวที ห่างจากเวทีประมาณ7-8 เมตร(หันเข้าเวที) ทั้งที่เราเตรียมชุดมอนิเตอร์ ไว้ให้ 2 ชุด
เลยต้องประชุมปรึกษากันหน่อย เลยบอกท่านไปว่า ถ้าทำอย่างนั้น ข้างล่าง (หมายถึงชุดพีเอ) มันคุมลำบาก โทนเสียงก็ทำไม่ได้ บาล้านซ์ซาวด์ก็ไม่ได้ ยังไม่เข้าใจกันดี เวลาก็จวนเข้ามาทุกขณะ
สรุป ก็เลยใช้ 2 ระบบ คือ ใช้อย่างที่ท่านต้องการ และเราก็ใช้อย่างที่เราคิดไว้ด้วย โดยมโหรีปี่พาทย์
เรารับเข้ามาเพื่อออก พีเอ แล้วปล่อยมอนิเตอร์ของเราให้ท่านบนเวที ส่วนไมค์ท่านจะยังใช้ของท่าน 3 ตัว (ไมค์ลอย) แล้วทางทีมท่านจะยังมีนักแสดง อีก 4 (นางมัทรี กัณหา ชาลี ชูชก) รวมถึงนักร้อง ทศพล หิมพานต์ เราก็เลยเตรียมไมค์ลอยเราไว้ 4 ตัวเหมือนกัน(ให้ทีมงานเราเตรียมไว้ตรงบันไดเลย)
ถึงเวลาแสดงจริง เสียงที่มาจากมิกซ์ของท่าน แหลมสุดๆ ทั้งที่ท่านเสียงทุ้ม นุ่ม (ฟังจาก วีซีดี) กลางบางมาก แล้วอีก 2 รูป เสียงจะเป็นอย่างไรน๊อ!!! เสียงเบาทั้ง 2 รูปเลย เอางัยดีหว่า ก็มันมาเส้นเดียว นี่ ดีนะที่เราแยกมโหรี ปี่พาทย์ออกมาได้ก่อน (ผมได้ชวนทีมงานเครื่องเสียงของท่านมานั่งฟังด้วยกันที่ ด้านหน้าด้วย)
ความมาแตก(ต่าง) ก็อีตอนสำคัญนี่หละ มีจังหวะนึงที่ทั้ง 3 รูป ต้องลงมาบิณฑบาตร (เรี่ยไร) ด้านล่างเวที เดินอยู่แถวๆหน้าเวทีนั่นหล่ะ ทีมงานเครื่องเสียงของท่าน ลุกกันพรึบพรับตรงดิ่งเข้าหาตู้ขาตั้งที่นำมา ที่ตั้งอยู่หน้าเวที ทำไมหละครับ ! ต้องคอยหันลำโพงหลบทิศทางที่พระท่านเดินมา วิ้ง!!!!! ว้าง!!!! หลบซ้ายเจอขวา
หลบไปข้างหน้าเจอข้างหลัง ส่วนของเราคัทอีคิวเอา และเบาลงหน่อยไม่หอนแฮะ! อีตอนเขาหันลำโพงกันไปมา
นี่แหละ พบว่าโทนของเสียงของเราก็เปลี่ยนไป เอ๊! มันดีขึ้นนี่นา เสียงมีความหนาขึ้น แต่ก็ยังวูบวาบตามจังหวะการหันตู้ลำโพง นึกในใจ มันคงเกิดการเอ๊าท์เฟส หรือหักล้างเฟสของเสียงกลาง+แหลม ระหว่าง ชุดพีเอเรากับของ
ท่าน อยู่กระมัง (ชุดลำโพงของท่านตั้งอยู่กลางผู้ชม ห่างเวทีประมาณ 7-8 เมตร หันหน้าเข้าเวที)
จังหวะนั้น ทศพล หิมพานต์ ก็มาถึงทางทีมเรารีบส่งไมค์ที่เตรียมไว้ให้เสียงออกเฉพาะชุดพีเอเราและมอนิเตอร์เราเท่านั้น) ก็มาเดินช่วยแหล่ ช่วยร้อง อยู่ด้านล่างหน้าเวทีเหมือนกัน(ตามภาพ) ไปด้านซ้ายเราก็แพนหลบมาขวา พอไปด้านขวาเราก็แพนหลบมาซ้าย ไม่หอนเอาอยู่ ทั้งหมดใช้เวลาอยู่ข้างล่างเกือบชั่วโมง
ความแตกต่างของโทนเสียง ก็บังเกิดขึ้น ต้องอธิบายแลกเปลี่ยนกับทางทีมงานท่านอยู่พักใหญ่ ต่อมามีนักแสดงที่เป็นพระนางมัทรี กัณหา ชาลี ชูชก ขึ้นเวที ใช้ไมค์เรา ยิ่งเห็นความแตกต่างมากยิ่งขึ้น เวลาตัวละครสนทนาโต้ตอบกันตามบท เราใส่ลูกเล่นโดยการแพนเสียงตามตำแหน่งที่ตัวละครยืนอยู่ เลื่อกใส่เอฟเฟคเสียงตามต้องการได้ (ใช้มิกซ์ ยามาฮ่า MG 14/24 เอฟเฟคในตัวเครื่อง 2 ชุด) มอนิเตอร์เราก็ฟังได้ชัดกว่า จะไม่ชัดได้งัย
ก็วางอยู่ใกล้ท่านไม่เกิน 2 เมตรทั้ง 2 ชุด ส่วนของท่านเอามาวางด้านล่าง ห่างจากจุดที่ท่านนั่งร่วม 10 เมตร
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ กระผมเพียงแต่อยากนำประสบการณ์ที่พบที่เจอหน้างานมาเล่าสู่กัน มาแชร์ประสบการณ์ และแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆสมาชิก มิได้มีเจตนาบ่งชี้ว่าใครดีกว่าใคร ใครถูกใครผิด
ขอบพระคุณที่เข้ามาชม และจักเป็นพระคุณยิ่งฯ ถ้ามีคอมเม้นท์มาบ้าง