Tigger Sound
สังคมออนไลน์คุณภาพของคนรักเครื่องเสียง
ทดสอบเสียง HK1.1 By Tiggersound https://www.facebook.com/tiggersound/videos/10218510874389162

การเร่งเพาเวอร์แอมป์ ,gain ,Sensitivity

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ปาย1095 มิวสิค

  • เจ้าของวง
  • *******
    • กระทู้: 5183
  • ประพัฒน์ อินถา
ข้อนี้ ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ตามหลักต้องหมุนจนสุด (เขาว่ามา)  บางงาน ผมก็หมุนจนหมดบางงาน ก็บ่ายสาม  บางงานก็เที่ยง ดูสถานที่ คน เป็นหลัก

เถียงกันจนตาย ทุกคนถูกหมดครับ 

 ลองหมุนๆ s 1200 หมดๆ ดูซิ (ขับเสียงกลาง) เสียงกลางท่านมีสิทธิ์กลับบ้าน เก่า 80 %
ป้อหลวงน้อยอ๊อดปาย1095มิวสิค จ.แม่ฮ่องสอน โทร0899513364 นายประพัฒน์ อินถา ที่อยู่ 46/1 ม4 ตเวียงใต้ อ.ปาย จ แม่ฮ่องสอน บ707 001   0058  ธ กรุงเทพ สาขาปาย นายประพํฒน์ อินถา



ออฟไลน์ rousseau9

  • มือเบส
  • ***
    • กระทู้: 94
ผมลองมาหมดแล้วแบบบ้านๆ  แล้วแต่สถานการณ์ ที่สำคัญ สัญญาณ in put ต้องเหมาะสม ไม่เบา ไม่แรงจนเกินไป ลองเองครับจึงจะรู้
67 ม.5 ต.เมืองคง  อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ 33160


ออฟไลน์ บ้านดนตรี

  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 1204

ถ้าทีมงานวิศวกรออกแบบพาวเวอร์แอมป์ทุกยี่ห้อในโลกนี้

ต้องการให้ผู้ใช้ "เร่งวอลลุ่มสูงสุด" เค้าก็คงไม่ออกแบบให้มีวอลลุ่มมาคั่นหรอกครับ
การเพิ่มอุปกรณ์หมายถึงต้นทุน 

การมีวอลลุ่มมันต้องมีวัตถุประสงค์  อาจจะในแง่  Input Impedance
ในแง่ความปลอดภัย ฯลฯ
  เห็นด้วยตามนี้ครับ

...ชอบตรงที่วางภาพทิ้งท้ายเพื่อความสบายใจ  sinister

...เพาเวอร์แอมป์ที่ออกแบบใช้ในระบบ PA ,Touring แท้จริงจะมีที่หมุนตรงนี้ทุกตัว ?





"""ต้องกลับไปอ่านโจทย์เจ้าของกระทู้ก่อนว่าเขาบ่งประเด็นถึงการใช้งานสนามกลางแจ้ง
...การมีปุ่มวอลลุ่มนั้นผมคิดว่า จุดมุ่งหมายหนึ่งเพื่อป้องกันสัญญาณกระแทกขณะเปิด- ปิดเครื่อง... ซึ่งการเร่งวอลลุ่มไปจนสุดขณะใช้งาน จะไม่มีผลตรงประเด็นนี้ถ้าการเปิดปิดเครื่องทำถูกขั้นตอน คือก่อนปิดก็ลดวอลลุ่มลงมาจนสุด  ..ก่อนเปิดก็ลดวอลลุ่มลงมาจนสุด และเมื่อเปิดเครื่องแล้วก็รอจนระบบโปรเทคทำงานแล้วเร่งวอลลุ่มไปจนสุด
..ส่วนประเด็นที่บางท่านบอกว่าเร่งไม่ต้องสุด บางท่านเห็นว่าเร่งจนสุด บางท่านว่าสัญญาณเครื่องบางยี่ห้อ รุ่น ขยายมากอยู่แล้วไม่ต้องเร่งจนสุด..มันก็ถูกทุกคน ..แต่มันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของการใช้งาน และสถานที่
..ถ้าเร่งไม่สุดแล้วท่านได้พลัง กำลัง ความดัง ครอบคลุมพื้นที่งานได้หมด +ให้เนื้อเสียง คุณภาพเสียง ที่ท่านพอใจแล้ว ก้ไม่ต้องเร่งจนสุดก็ได้
....แต่ถ้าเป็นงานสนามกลางแจ้งตามโจทย์ที่เจ้าของกระทู้ตั้งมา..ผมคิด เชื่อว่าการเร่งไม่สุด จะไม่ได้พลัง กำลัง ความดัง มากพอเท่าที่เจ้าของระบบต้องการแน่นอน เพราะพาวเวอร์ไม่ได้แสดงคุณภาพ ประสิทธิภาพสูงสุดตามคุณสมบัติของมันที่มีอยู่ออกมา เลยทำให้เจ้าของพาลคิดไปว่า พาวเวอร์ยี่ห้อนั้นๆไม่ดี ไม่แรงพอ ตามสเป็คที่บอกมา
...ถ้าท่านเร่งวอลลุ่มพาวเวอร์แอมป์ไม่สุด แล้วไม่ได้ความแรง ความดังพอตามที่ต้องการ ท่านก็จะไปเร่งที่ปุ่ม Gain +สไลด์วอลลุ่มในไลน์มิกเซอร์ + In put- Out put ของครอส จนเกิดสัญญาณล้น-พีค..พาลพาให้พาวเวอร์แอมป์คลิป..จนอาจจะทำให้ดอกลำโพงขาดไหม้ เสียหายได้..นั่นเพราะการปรับระบบไม่สมดุลย์ ไม่พอดี ไม่ลงตัวกัน
...
...หลัการของระบบที่ดี ที่ควรจะเป็นคือ การทำให้ การปรับใช้อุปกรณ์ทุกชิ้นในระบบให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มกำลัง เต็มประสิทธิภาพ คุณภาพมากที่สุด..และต้องมีความสมดุลย์ พอดีกัน.จะทำให้ได้ระบบที่ดัง แรง มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และให้เนื้อเสียงที่ดี และมีความเสถียร ไม่แกว่งไม่คลิป ไม่พีค
...นั่นหมายถึงท่านต้องปรับระบบหน้า PA ของระบบเครื่องเสียง+อุปกรณ์ทุกชิ้นของท่านให้ลงตัว สมดุลย์กันนั่นแหละครับ
นาย ชาญชัย ไชยรินทร์ (บ้านดนตรี ) เลขที่ 176 หมู่ 6 ตำบล อุโมงค์ อำเภอ เมือง จังหวัด ลำพูน 51150  TEL : 086-915-1075 ,082-4697006 ธ.ไทยพาณิชย์  566-2-07068-7  ID Line chchai2502


ออฟไลน์ คนพระจันทร์

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 493
ระบบเสียง  ถือว่าเป็นงานทางด้านวิทยาศาสตร์ นะครับ
มีที่มาที่ไป สามารถอธิบายเหตุอธิบายผลได้  และสามารถพิสูจน์ได้

ดังนั้นการจัดการหรือการใช้งานเพื่อควบคุมให้เป็นไปอย่างถูกต้องมันมีวิธีใช้งาน
ซึ่งจะต้องมีคู่มือมาให้ตอนที่ซื้อ  หรือต้องหาอ่านจนเข้าใจ

ระบบเสียงเป็นการทำงาน  ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางในลักษณะ  I/O
หรือ  Input/Output  ต่อเนื่องไปเรื่อย  ซึ่งมันมีข้อตกลงเป็นสากลในแง่สเปคต่างๆ

ส่วนเรื่องของเสียงดนตรีมันเป็นงานศิลป์ 
เสียงดนตรีที่มีคุณภาพมีองค์ประกอบหลายอย่างด้วยกัน
อาทิ ต้องมีความเป็นดนตรีสูง 
และความเป็นดนตรีสูงนั้นจะต้องมีองค์ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง 

มิใช่ความดังอย่างเดียว 

ในเรื่องของเสียง  เราแยกคุณภาพ กับประสิทธิภาพของเครื่องออกจากกัน
คุณภาพของเสียงเราว่าทั้งระบบ  ตั้งแต่ไฟฟ้าจนถึงระบบลำโพง
อภินันท  แสนบุ่งค้อ
99/1 หมู่บ้านชัยพฤกษ์ ถ.บางนา-ตราด ( กม. 18 )  ต.บางโฉลง อ.บางพลี
จ.สมุทรปราการ  10540
โทร. 080 593 9556


ออฟไลน์ max_medkku

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 151
ขอถามเพิ่มเติมครับ
1เร่ง volume แอมป์จนสุด gain จาก mixer ตํ่า มาเข้าที่amp แล้วamp clip(กระพริบเล็กน้อย)
2เร่ง volume แอมป์ไม่สุด gain จาก mixer สูง มาเข้าที่amp แล้ว amp clip(กระพริบเล็กน้อย)
แบบไหน เสียงดัง กว่ากัน แบบไหนเสียงดีกว่ากัน
อัษฎาวุธ สอนพรหม
086-8624610


ออฟไลน์ คนพระจันทร์

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 493
ขอถามเพิ่มเติมครับ
1เร่ง volume แอมป์จนสุด gain จาก mixer ตํ่า มาเข้าที่amp แล้วamp clip
2เร่ง volume แอมป์ไม่สุด gain จาก mixer สูง มาเข้าที่amp แล้ว amp clip
แบบไหน เสียงดัง กว่ากัน แบบไหนเสียงดีกว่ากัน แบบไหนเสียงรบกวน(noise)น้อยกว่า



มันจะอยู่ในเรื่องของ  Decibel Scale  นะครับ

พลังงานเป็น  Watt

แรงดันเป็น    Volt

ซึ่งมันจะมีสูตรในการคำนวน  บังเอิญผมจำไม่ได้ต้องเปิดตำราอีกที
และมันจะมี Impedance ของลำโพงมาเกี่ยวข้องด้วย

ส่วนที่ถามผมขออนูญาตไม่ตอบ  เพราะไม่รู้จริงๆ  ครับ

แหมคุณหมอก็ 
รู้เรื่องเกนดีที่สุดในประเทศไทยแล้วยังแกล้งถาม  เล่นซะผมเขินเลย
อภินันท  แสนบุ่งค้อ
99/1 หมู่บ้านชัยพฤกษ์ ถ.บางนา-ตราด ( กม. 18 )  ต.บางโฉลง อ.บางพลี
จ.สมุทรปราการ  10540
โทร. 080 593 9556


ออฟไลน์ max_medkku

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 151
ขอถามเพิ่มเติมครับ
1เร่ง volume แอมป์จนสุด gain จาก mixer ตํ่า มาเข้าที่amp แล้วamp clip
2เร่ง volume แอมป์ไม่สุด gain จาก mixer สูง มาเข้าที่amp แล้ว amp clip
แบบไหน เสียงดัง กว่ากัน แบบไหนเสียงดีกว่ากัน แบบไหนเสียงรบกวน(noise)น้อยกว่า



มันจะอยู่ในเรื่องของ  Decibel Scale  นะครับ

พลังงานเป็น  Watt

แรงดันเป็น    Volt

ซึ่งมันจะมีสูตรในการคำนวน  บังเอิญผมจำไม่ได้ต้องเปิดตำราอีกที
และมันจะมี Impedance ของลำโพงมาเกี่ยวข้องด้วย

ส่วนที่ถามผมขออนูญาตไม่ตอบ  เพราะไม่รู้จริงๆ  ครับ

แหมคุณหมอก็ 
รู้เรื่องเกนดีที่สุดในประเทศไทยแล้วยังแกล้งถาม  เล่นซะผมเขินเลย

ตามสูตรสมัยเรียน physics เลยครับ
P คือ กำลัง
V คือ แรงดันไฟฟ้า
Z คือ ความต้านทาน (impidance)
I คือ กระแส

P=IV=I2Z=V2/Z
ส่วน ระดับความเข้มของเสียง(dB) = 10log{[P/4(3.14)R2]/10-12} ;R=ระยะห่างจากแหล่งกำเนิดเสียง(m)

แตในทางปฏิบัติแล้วนำใช้ยากครับ
ควรใช้สูตรนี้คำนวนเพื่อเลือก power amp ที่เหมาะสมกับ scale งานครับ

dBW = Lreq - Lsens + 20 * Log (D2/Dref) + HR

W = 10 to the power of (dBW / 10)

โดย
Lreq = required SPL at listener
Lsens = loudspeaker sensitivity (1W/1M)
D2 = loudspeaker-to-listener distance
Dref = reference distance
HR = desired amplifier headroom
dBW = ratio of power referenced to 1 watt
W = power required

ป๋ามะละกอชมเกินไปแล้วครับ มิกล้าๆ แหะๆๆ  ผมเป็นแค่มือสมัครเล่นเล่นเท่านั้นครับ smileyy
อัษฎาวุธ สอนพรหม
086-8624610


ออฟไลน์ sittichai1334@hotmail.co.

  • ตอนอยากใด้เหมือนจะไม่เบื่อ
  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 682
  • ตอนอยากใด้เหมือนจะไม่เบื่อ
ผมว่าวอลลุ่มคงเอาไว้เบาเสียงตอนใช้ในห้องมั้ง เพราะมิคและเครื่องปรุงต่างๆจะกี่งานเราก็ปรับเหมือนเดิม ผมใช้แต่กลางแจ้งครับ กลางคืนดึกหน่อยจะเบาเสียงที่แอมครับ
สิทธิชัย บุญเรือง 33/1240ถ.งามวงค์วาล แขวงลาดยาว เขตรจตุจักร กทม<br />10900 กรุงไทยออมทรัพย์0970016662 โทร0897641028


ออฟไลน์ max_medkku

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 151
คำตอบจาก page FAQs ของcrown amplifier ครับ คงตรงประเด็นชัดเจนสำหรับกระทู้นี้



Q : Should I have the level controls on my amplifier turned all the way up?


A : It depends on the system and how much gain you have prior to the amplifier .The level control can be thought of as an input attenuator. It does not limit the power available from the amplifier. With the level controls turned down the amplifier can still reach full rated output power, it just takes more drive level from your mixer to achieve it. Generally, you should set the mixer's individual channel fader and master gain to 0 dB, then adjust the amplifier level controls to the desired sound level.

ที่มา : http://www.crownaudio.com/kb/entry/15/
อัษฎาวุธ สอนพรหม
086-8624610


ออฟไลน์ ช่างแอ้ด™

  • Over feel ..Trust me
  • Moderator
  • นักร้อง
  • *****
    • กระทู้: 2230
  • as it should be ..
    • Fbook
ขอถามเพิ่มเติมครับ
1เร่ง volume แอมป์จนสุด gain จาก mixer ตํ่า มาเข้าที่amp แล้วamp clip(กระพริบเล็กน้อย)
2เร่ง volume แอมป์ไม่สุด gain จาก mixer สูง มาเข้าที่amp แล้ว amp clip(กระพริบเล็กน้อย)
แบบไหน เสียงดัง กว่ากัน แบบไหนเสียงดีกว่ากัน
ุม
มันดังเท่ากันครับ แต่รายละเอียดเสียง 2 ดีกว่า  เฮดรูมที่อินพุทมากกว่า และขยาย noise ต่ำกว่า
ตปท.เขาจึงมักจะเลือกใช้ค่า input sensitivity มากๆ


ออฟไลน์ บ้านดนตรี

  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 1204
..บางครั้งการใช้ออกงานจริง เผชิญกับสถานะการณ์จริง ในหลากหลายลักษณะงาน หลายพื้นที่งาน ตั้งแต่งาน In door เล็กๆจนถึงขนาดใหญ่..งาน Out door เล็กๆ ไปจนถึงงานสนาม  PA เต็มรูปแบบ และบางครั้งเป็นงานแบบชาวบ้านเทคกลางดิน ดิ้นกลางแปลง มีนักร้องแบบบู๊ๆ และแขกเมาๆ ฯลฯ แบบไทยๆชนบท รากหญ้า
...มันคงไม่ได้ลงลึกไปถึงรายละเอียดตามทฤษฎี หลักวิชาการ หลักการศาสตร์ของเสียงมากมาย ตามที่ท่านบอกกล่าวมาหรอกครับ..มันเป็นงานที่ต้องการพลังเสียงที่ต้อง ดังแรง หนักแน่น กระหึ่ม กว้าง เร้าใจครอบคลุมพื้นที่งาน + พื้นที่รอบๆงานให้ได้มากที่สุด
....ยิ่งถ้าสามารถทำปรับ มิกซ์ระบบระบบให้มีเสียงที่มีทั้งความดัง ความแรง และมีคุณภาพเนื้อเสียง ลงตัว สมดุลย์กันทั้ง Low mid Hight จนทำให้เสียงที่ออกมาโดยรวมแจ่มๆ + กับการเล่นดนตรี +ระบบไมค์-FX +นักร้องที่สร้างประทับใจแก่เจ้าภาพ+แขกแล้วละก็หมายถึงงานนั้นประสบผลสำเร็จได้ทั้งเงินและกล่อง
...จากประสบการของผมที่เล่นระบบเครื่องเสียงไฮเอนในบ้านมานานตั้งแต่เด็กรุ่นๆ ที่เรียกกันว่าพวกหูทอง..มาจนถึงเล่นระบบเครื่องเสียง PA ทำงานดนตรี มาสิบกว่าปีนั้นผมคิดว่าเจ้าของระบบเครื่องเสียงทุกคนจะเป็นแบบเดียวกับผมคือ..เมื่อเราออกงานสนามจริงๆสิ่งที่เจ้าของระบบส่วนมากจะต้องคำนึงถึงก็คือทำอย่างไรจะให้เสียงที่ได้จากระบบเสียงของเราออกมาแรง ดัง คลอบคลุมพื้นที่ได้มากที่สุด และมีเนื้อ โทนเสียง Low ที่หนักแน่น กระชับ กว้าง กระหึ่ม.. mid มีน้ำหนัก หนา โปร่ง กว้างกระจายมีหางเสียงที่คม.( ย่านนี้จะมีระบบเสียงไมค์+FX ด้วย). Hight  คมใส ชัดเจน สะอาด ฯลฯ ....และที่สำคัญระบบมีความสมดุลย์ลงตัวกัน ไม่มีพีค ไม่มีคลิป ไม่มีเสียงรบกวนจี่ ฮัมให้กังวลใจ
..และจากประสบการของผมนั้นผมพบว่าการเร่งปุ่มวอลลุ่มพาวเวอรืแอมป์จนสุดช่วยในเรื่องเหล่านี้ได้มากมาย
...ตัวอย่างงานต่างๆบางส่วนที่ผมเคยทำมา และทุกๆงานเร่งวอลลุ่มพาวเวอร์แอมป์ทุกตัวจนสุด  และผมจะเน้น เลือกใช้พาวเวอร์แอมป์ที่มีกำลังขับสูงทุกตัว ทั้งเสียง Low ( 2600 วัตต์ที่/ข้าง 4 โอห์ม-3000 วัตต์/ข้างที่ 2โอห์ม ).. mid ( 1200 วัตต์/ข้างที่ 4 โอห์ม-1500 วัตต์/ข้างที่ 2 โอห์ม)...hight ( 600 วัตต์/ข้างที่ 4 โอห์ม ) .โดยปรับมิกช์ระบบทั้งระบบตั้งแต่ มิกเซอร์-Compressor-EQ-Cross-FX จนสมดุลย์ ลงตัวครับ

..งานประเพณีลอยกระทงของ อ. บ้านธิ ลำพูน







งานเกษียณอายุราชการปีที่ผ่านมา






..งานแต่งงานไฮโซในห้องแกรนด์







เวทีกาดมั่ว งานเทสกาลชิมไวน์ ลำพูน






งานแต่งงานในชนบทแถวๆเชียงใหม่มีนักร้องแบบโจ๊ะๆ




.งานขึ้นบ้านใหม่มีนักร้องแบบโจ๊ะๆ




งานขึ้นบ้านใหม่มีนักร้องแบบโจ๊ะๆ...งานนี้ใช้ระบบแบบ 2 ทาง








นาย ชาญชัย ไชยรินทร์ (บ้านดนตรี ) เลขที่ 176 หมู่ 6 ตำบล อุโมงค์ อำเภอ เมือง จังหวัด ลำพูน 51150  TEL : 086-915-1075 ,082-4697006 ธ.ไทยพาณิชย์  566-2-07068-7  ID Line chchai2502


ออฟไลน์ max_medkku

  • มือกีตาร์
  • ****
    • กระทู้: 151
ขอถามเพิ่มเติมครับ
1เร่ง volume แอมป์จนสุด gain จาก mixer ตํ่า มาเข้าที่amp แล้วamp clip(กระพริบเล็กน้อย)
2เร่ง volume แอมป์ไม่สุด gain จาก mixer สูง มาเข้าที่amp แล้ว amp clip(กระพริบเล็กน้อย)
แบบไหน เสียงดัง กว่ากัน แบบไหนเสียงดีกว่ากัน
ุม
มันดังเท่ากันครับ แต่รายละเอียดเสียง 2 ดีกว่า  เฮดรูมที่อินพุทมากกว่า และขยาย noise ต่ำกว่า
ตปท.เขาจึงมักจะเลือกใช้ค่า input sensitivity มากๆ

ขอบคุณมากครับช่างแอ้ด ที่ช่วยชี้แนะ

ถ้าเป็นเช่นนั้น power rate สูงสุดที่ amp สามารถขับออกมาได้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับ การเร่งvolume สุด หรือไม่สุด

ซึ่งสอดคล้องกับ บทความของ crown ที่ผมได้ยกมา
คำตอบจาก page FAQs ของcrown amplifier ครับ คงตรงประเด็นชัดเจนสำหรับกระทู้นี้



Q : Should I have the level controls on my amplifier turned all the way up?


A : It depends on the system and how much gain you have prior to the amplifier .The level control can be thought of as an input attenuator. It does not limit the power available from the amplifier. With the level controls turned down the amplifier can still reach full rated output power, it just takes more drive level from your mixer to achieve it. Generally, you should set the mixer's individual channel fader and master gain to 0 dB, then adjust the amplifier level controls to the desired sound level.

ที่มา : http://www.crownaudio.com/kb/entry/15/

ซึ่งแปลแบบงูๆปลาๆ ได้ใจความดังนี้

"ถาม : ผมควรจะหมุน level control ของ amplifier ขึ้นจนหมดหรือไม่

ตอบ : มันขึ้นอยู่กับระบบและ gain ที่คุณมีก่อนที่จะเข้าสู่ amplifier โดยปุ่ม level control นี้ เปรียบเสมือนกับ input attenuator(ปุ่มลดสัญญาณ input) ซึ่งปุ่มนี้ไม่ได้เป็นตัวจำกัด พลังงานที่ได้จาก power amp
       เมื่อปุ่ม level control ถูกปรับลดลง power amp ยังสามารถให้ อัตรากำลังได้เต็มที่ โดยการเร่งสัญญาณจาก mixerของคุณเพื่อที่จะขับpower amp ให้ได้กำลังสูงสุด
       โดยทั่วไปนั้น คุณควรจะ ตั้งค่า channel fader และ master gain ให้เท่ากับ 0 dBu จากนั้นปรับปุ่ม level control ของ amplifier เพื่อปรับและออกแบบระดับความดังของเสียง"

ดังนั้นการที่เราปรับปุ่ม level control หรือปุ่ม volume ของ amp ไม่สุดไม่ได้หมายความว่าเราไปกั๊ก กำลังampไว้ เรายังสามารถใส่ gain จาก mixer เข้าไป เพื่อที่จะขับให้ power amp ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
อัษฎาวุธ สอนพรหม
086-8624610


ออฟไลน์ MILDMUSIC

  • มือกลอง
  • *****
    • กระทู้: 498
ผมว่าลองย่อขนาดของ PA แล้วลองมาเล่นให้ห้องที่ไม่มีเสียงจากภายนอกมารบกวน กรณี ถ้าเราสามารถรีด gainก่อนเข้า amplifierได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่แล้ว การเร่งแอมป์จนสุดกับไม่สุดผมว่ารายละเอียดของเสียงต่างกันนิดหน่อยนะ ลองดูได้ครับ ส่วนจะให้ดังคลุมทุกพี้นที่ไหมน่าจะอยู่ที่พลังงานที่เรามีและการปล่อยออกไปกับสิ่งแวดล้อมที่มาช่วยซับเสียง(ความเห็นส่วนตัวไม่อิงวิชาการนะครับ)
สุรเชษ สกุลเชื้อ (เอก) 145/170 พูนสินธานี 1 ซอย 6 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม.10520  โทร.089-132-2947  บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเพียวเพลสรามคำแหง110


ออฟไลน์ M-ONE

  • หลีเหลอซาวด์ จอหอ
  • มือเบส
  • ***
    • กระทู้: 56
  • ''การรักษาคุณภาพ ยากยิ่งกว่าการเพิ่มคุณภาพ''
ขอถามเพิ่มเติมครับ
1เร่ง volume แอมป์จนสุด gain จาก mixer ตํ่า มาเข้าที่amp แล้วamp clip(กระพริบเล็กน้อย)
2เร่ง volume แอมป์ไม่สุด gain จาก mixer สูง มาเข้าที่amp แล้ว amp clip(กระพริบเล็กน้อย)
แบบไหน เสียงดัง กว่ากัน แบบไหนเสียงดีกว่ากัน
ุม
มันดังเท่ากันครับ แต่รายละเอียดเสียง 2 ดีกว่า  เฮดรูมที่อินพุทมากกว่า และขยาย noise ต่ำกว่า
ตปท.เขาจึงมักจะเลือกใช้ค่า input sensitivity มากๆ

ขอบคุณมากครับช่างแอ้ด ที่ช่วยชี้แนะ

ถ้าเป็นเช่นนั้น power rate สูงสุดที่ amp สามารถขับออกมาได้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับ การเร่งvolume สุด หรือไม่สุด

ซึ่งสอดคล้องกับ บทความของ crown ที่ผมได้ยกมา
คำตอบจาก page FAQs ของcrown amplifier ครับ คงตรงประเด็นชัดเจนสำหรับกระทู้นี้



Q : Should I have the level controls on my amplifier turned all the way up?


A : It depends on the system and how much gain you have prior to the amplifier .The level control can be thought of as an input attenuator. It does not limit the power available from the amplifier. With the level controls turned down the amplifier can still reach full rated output power, it just takes more drive level from your mixer to achieve it. Generally, you should set the mixer's individual channel fader and master gain to 0 dB, then adjust the amplifier level controls to the desired sound level.

ที่มา : http://www.crownaudio.com/kb/entry/15/

ซึ่งแปลแบบงูๆปลาๆ ได้ใจความดังนี้

"ถาม : ผมควรจะหมุน level control ของ amplifier ขึ้นจนหมดหรือไม่

ตอบ : มันขึ้นอยู่กับระบบและ gain ที่คุณมีก่อนที่จะเข้าสู่ amplifier โดยปุ่ม level control นี้ เปรียบเสมือนกับ input attenuator(ปุ่มลดสัญญาณ input) ซึ่งปุ่มนี้ไม่ได้เป็นตัวจำกัด พลังงานที่ได้จาก power amp
       เมื่อปุ่ม level control ถูกปรับลดลง power amp ยังสามารถให้ อัตรากำลังได้เต็มที่ โดยการเร่งสัญญาณจาก mixerของคุณเพื่อที่จะขับpower amp ให้ได้กำลังสูงสุด
       โดยทั่วไปนั้น คุณควรจะ ตั้งค่า channel fader และ master gain ให้เท่ากับ 0 dBu จากนั้นปรับปุ่ม level control ของ amplifier เพื่อปรับและออกแบบระดับความดังของเสียง"

ดังนั้นการที่เราปรับปุ่ม level control หรือปุ่ม volume ของ amp ไม่สุดไม่ได้หมายความว่าเราไปกั๊ก กำลังampไว้ เรายังสามารถใส่ gain จาก mixer เข้าไป เพื่อที่จะขับให้ power amp ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ครับน่าจะถูกต้องตามหลักการและเหตุผล..และจุดประสงค์ทีเขาได้ออกแบบและติดตั้งมาให้เรา..คือผู้ใช้ได้ปรับใช้ตามความเหมาะสมของสัญญาณที่จะเข้าเพาเวอร์แอมป์...สัญญาณที่ว่านี้คือสัญญาณที่ดีมีพร้อมทุกองค์ประกอบ พร้อมที่จะทำการขยายให้แรงขึ้นตามความพอใจที่เราต้องการ..ถ้าสัญญาณมาแรงเราก็ลดลง..ถ้าสัญญาณมาเบาเราก็เพิ่มขึ้น..ตามแต่ที่เราต้องการก็แค่นี้เอง...
นาย สมมิตร ฤทธิเดช 45/4 หมู่4 ถ.ประปา ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30310 โทร.0897167308 อีเมล์.mommam90@hotmail.com


ออฟไลน์ บ้านดนตรี

  • นักร้อง
  • ******
    • กระทู้: 1204
ขอถามเพิ่มเติมครับ
1เร่ง volume แอมป์จนสุด gain จาก mixer ตํ่า มาเข้าที่amp แล้วamp clip(กระพริบเล็กน้อย)
2เร่ง volume แอมป์ไม่สุด gain จาก mixer สูง มาเข้าที่amp แล้ว amp clip(กระพริบเล็กน้อย)
แบบไหน เสียงดัง กว่ากัน แบบไหนเสียงดีกว่ากัน
ุม
มันดังเท่ากันครับ แต่รายละเอียดเสียง 2 ดีกว่า  เฮดรูมที่อินพุทมากกว่า และขยาย noise ต่ำกว่า
ตปท.เขาจึงมักจะเลือกใช้ค่า input sensitivity มากๆ

ขอบคุณมากครับช่างแอ้ด ที่ช่วยชี้แนะ

ถ้าเป็นเช่นนั้น power rate สูงสุดที่ amp สามารถขับออกมาได้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับ การเร่งvolume สุด หรือไม่สุด

ซึ่งสอดคล้องกับ บทความของ crown ที่ผมได้ยกมา
คำตอบจาก page FAQs ของcrown amplifier ครับ คงตรงประเด็นชัดเจนสำหรับกระทู้นี้



Q : Should I have the level controls on my amplifier turned all the way up?


A : It depends on the system and how much gain you have prior to the amplifier .The level control can be thought of as an input attenuator. It does not limit the power available from the amplifier. With the level controls turned down the amplifier can still reach full rated output power, it just takes more drive level from your mixer to achieve it. Generally, you should set the mixer's individual channel fader and master gain to 0 dB, then adjust the amplifier level controls to the desired sound level.

ที่มา : http://www.crownaudio.com/kb/entry/15/

ซึ่งแปลแบบงูๆปลาๆ ได้ใจความดังนี้

"ถาม : ผมควรจะหมุน level control ของ amplifier ขึ้นจนหมดหรือไม่

ตอบ : มันขึ้นอยู่กับระบบและ gain ที่คุณมีก่อนที่จะเข้าสู่ amplifier โดยปุ่ม level control นี้ เปรียบเสมือนกับ input attenuator(ปุ่มลดสัญญาณ input) ซึ่งปุ่มนี้ไม่ได้เป็นตัวจำกัด พลังงานที่ได้จาก power amp
       เมื่อปุ่ม level control ถูกปรับลดลง power amp ยังสามารถให้ อัตรากำลังได้เต็มที่ โดยการเร่งสัญญาณจาก mixerของคุณเพื่อที่จะขับpower amp ให้ได้กำลังสูงสุด
       โดยทั่วไปนั้น คุณควรจะ ตั้งค่า channel fader และ master gain ให้เท่ากับ 0 dBu จากนั้นปรับปุ่ม level control ของ amplifier เพื่อปรับและออกแบบระดับความดังของเสียง"

ดังนั้นการที่เราปรับปุ่ม level control หรือปุ่ม volume ของ amp ไม่สุดไม่ได้หมายความว่าเราไปกั๊ก กำลังampไว้ เรายังสามารถใส่ gain จาก mixer เข้าไป เพื่อที่จะขับให้ power amp ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ครับน่าจะถูกต้องตามหลักการและเหตุผล..และจุดประสงค์ทีเขาได้ออกแบบและติดตั้งมาให้เรา..คือผู้ใช้ได้ปรับใช้ตามความเหมาะสมของสัญญาณที่จะเข้าเพาเวอร์แอมป์...สัญญาณที่ว่านี้คือสัญญาณที่ดีมีพร้อมทุกองค์ประกอบ พร้อมที่จะทำการขยายให้แรงขึ้นตามความพอใจที่เราต้องการ..ถ้าสัญญาณมาแรงเราก็ลดลง..ถ้าสัญญาณมาเบาเราก็เพิ่มขึ้น..ตามแต่ที่เราต้องการก็แค่นี้เอง...


..เปรียบง่ายๆมันก็เหมือนปุ่ม Gain ในไลน์มิกเซอร์นั่นแหละ..ท่านจะลดมาสเตอร์วอลลุ่ม และวอลลุ่มในสไลด์ลง แล้วเร่งเพิ่มที่ปุ่ม Gain ในไลน์.
....หรือท่านจะลดปุ่ม Gain ในไลน์มิกเซอร์ลง แล้วเพิ่มวอลลุ่มสไลด้ในไลน์+มาสเตอร์วอลลุ่ม... ความดังก็จะได้ออกมาพอๆกัน.
..สำหรับงานเล็กๆ งาน Indoor ที่ระบบสามารถครอบคลุมพื้นที่งานได้หมด จะปรับวอลลุ่มพาวเวอรืหมด หรือไม่หมดก็ไม่มีปัญหา
.แต่ก็.ปฎิเสธไม่ได้ว่าเวลาลดปุ่มวอลลุ่มที่พาวเวอร์แอมป์ลงแล้ว ในขณะที่ไม่ได้ปรับปุ่มที่อุปกรณ์อื่นเพิ่ม แล้วทำให้เสียงที่ออกมาเบาลง...
...
...แต่ถ้าพูดถึงงานสนาม PA เต็มรูปแบบ.
.....ถ้าเป็นเครื่องเสียงระบบใหญ่ๆที่ใช้จำนวนพาววเวอร์แอมป์มากๆแท่น+ตู้จำนวนมากๆตู้ เพื่อช่วยทำให้ได้เสียงดังได้ตามต้องการ จะทำตามทฤษฎี หลักการที่ว่าก็ได้ เพราะกำลัง ความดังของเสียงมันสามารถครอบคลุมพื้นที่งานได้อยู่แล้ว
....แต่ระบบเครื่องเสียงรากหญ้า  ขนาดกลาง-เล็ก โดยทั่วไปของคนไทยนั้น..มักจะไม่เหมือนระบบใหญ่ๆมาตรฐานทั่วไป..แต่ใช้แอมป์ขับจำนวนน้อยแท่น+ตู้จำนวนน้อยตู้...แต่ต้องการให้ได้เสียงที่ดัง แรง หนักแน่น กระหึ่ม ครอบคลุมพื้นที่งานได้มากที่สุด..ซึ่งประเด็นนี้ถ้าไปปรับลดวอลลุ่มพาวเวอร์แอมป์ลง แล้วไปปรับเพิ่ม Gain อื่นๆชดเชย โดยเฉพาะ Gain ในไลน์มิกเซอร์...ผลที่จะตามมาคือสัญญาณที่มาถึงพาวเวอร์แอมป์จะมีอาการพีค ล้น จนทำให้พาวเวอร์แอมป์เกิดการคลิปตามมาอย่างมโหฬาร..สุดท้ายดอกลำโพงจะเสียหาย ขาดไหม้กลางงาน ทำให้งานเสียหายได้ง่ายๆ
..
นาย ชาญชัย ไชยรินทร์ (บ้านดนตรี ) เลขที่ 176 หมู่ 6 ตำบล อุโมงค์ อำเภอ เมือง จังหวัด ลำพูน 51150  TEL : 086-915-1075 ,082-4697006 ธ.ไทยพาณิชย์  566-2-07068-7  ID Line chchai2502