อีกวิธีที่ใช้สังเกต Headroom ของ ampคือ switchปรับ sensitivity ด้านหลัง amp เช่น 0.775 V, 1.4V หรือ 25 dB คุ้นๆกันไหมครับ จากรูปจะอยู่ด้านล่างขวา

ตัวเลขพวกนี้หมายความว่าอย่างนี้ครับ
ถ้าปรับ ไว้ที่ 0.775V หมายความว่า เมื่อเราเร่ง volume amp จนสุด สัญญาณที่ให้ full rate power คือ 0 dBu และ Headroom ของampตัวนี้จะเท่ากับ 0 dBu
1.4V พูดไปแล้วขอข้ามนะครับ
ส่วน 25 dB = สัญญาณ 13.78V อันนี้เป็นแบบ fixed gain แสดงว่า ถ้าสัญญาณ มาถึง 25 dBu หรือ 13.78V amp ถึงจะทำงานได้ full rate และ headroom ของampตัวเดิมเมื่อปรับ switchมาตำแหน่งนี้จะมีค่า 25 dBu
จะเห็นว่า ถ้าสัญญาณ 0 dBu เท่ากัน แล้วปรับ ไว้ที่ 0.775V กำลังที่ขับออกมาจะเสียงดังกว่าเพื่อน ในทางกลับกัน amp ก็clip ง่ายกว่า และได้ Headroom น้อย
ทีนี้เราจะเลือกปรับ sensitivity อย่างไรให้เหมาะกับระบบของเรา
ให้พิจารณาดังนี้ครับ ถ้า mixer ของเรา Norminal output ตามspecification เป็น 0 dBu ก็จะเหมาะสมกับ 0.775V
ถ้า Norminal output คือ +4dBu ก็ควรเลือก 1.4V ซึ่งmixer มาตรฐานทุกวันนี้ส่วนใหญ่ให้ outputที่ +4dBu
ส่วน25 dB เหมาะกับ mixer ที่มี headroom +24dBu ครับ โดยวิธีการเซท คือหมุน volume amp จนสุด สัญญาณที่ mixer clipที่ 24dBu ampก็ยังไม่clip เผื่อ error อีกตั้ง1 dBu
ส่วน mixer ที่มี headroom 20dBu นั้นไม่เหมาะกับ sensitivity 25 dBครับ เพราะ สัญญาณ 20 dBu ไม่สามารถขับamp ตัวนี้ให้ทำงานเต็มที่ได้
สำหรับค่า SNR ของ power amp ดูได้จาก specificationในคู่มือ
ส่วนวิธีดู mixer ว่ามี Headroom(HR) เท่าไรนั้นให้ดูจาก specification เช่น ให้ ค่า SNR กับ Dynamics range(DR) ถ้ามันไม่บอกเราตรงๆก็จับ DR-SNR = HR
หรือ สังเกตที่ main meter ว่ามี scale สูงสุดเท่าไร ถ้าค่าสูงสุด คือ 20 dB แสดงว่า มี HR +24dBu (ที่ 0dBVU=+4dBu)
ถ้า ค่าสูงสุดคือ 16 dB แสดงว่า HR=+20dBu
ขออนุญาตแก้ไขข้อมูล(ตัวหนังสือสีแดง) ที่ผมเคยpostไว้ที่หน้า3นะครับ เนื่องจากผมมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากการแปลภาษาของผมเอง
ถ้าหากเฮียแซม (ผู้ใหญ่ใจดี)

ไม่ได้ทักท้วงมาผมคงมีความเข้าใจผิดกับ Headroom และ sensitivity แบบfixed gain ต่อไป
จากการที่ผมไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจึงขอแก้ไขดังนี้ครับ
26 dB หมายถึง การปรับsensitivity แบบ fixed gain โดยสัญญาณ input ของ amp ที่ 0 dBu(0.775 Vrms)จะถูกขยายให้เป็น 26 dBu ที่ output เสมอ
ส่วน Headroom นั้นขึ้นกับ อัตราขยายสูงสุดของ amp ตัวนั้น
หุหุ งงกันมั้ยครับ
เดี๋ยวผมจะท้าวความเรื่อง อัตราขยายสัญญาณของ amplifier ให้ทราบก่อนนะครับจะได้มีความเข้าใจมากขึ้น
หลักการทำงานของ amp คือ ขยายสัญญาณไฟฟ้าจากน้อยให้มากขึ้นได้

สมมุติว่า amp ตัวหนึ่งสามารถ ขยายสัญญาณ(voltage gain) จาก 1V(input) เป็น 50V(output)ได้
หมายความว่า สัญญาณ outputที่ได้นั้นเป็น 50 เท่าของของinput หากคิดเป็น dB จากสูตร 20 log[V
2/V
1] จะได้ 20 log(50/1) = 34 dB
แต่ specification sheet ของ amp แต่ละรุ่น บอกกำลังขยาย เป็น watts ทำอย่างไรจึงจะเปลี่ยนให้เป็นหน่วย gain ได้
ดังนั้นจึงต้องใช้ กฎของโอห์ม มาอธิบาย

ใช้สูตรนี้ครับ P=V
2/R เราจะหาค่า กำลัง(watts)จากampตัวนี้ ถ้า amp ตัวนี้ต่อกับ load (ลำโพง) R=8 ohm
จะได้ P=(50
2)/8=312.5W หรือถ้าต่อกับ load 4 ohm จะได้กำลัง 625W
แต่เนื่องจาก amp ที่ผลิตในปัจจุบันนั้น ใช้สัญญาณมาตรฐานสำหรับอ้างอิง (norminal output)จาก mixer คือ 0dBu(0.775V) หรือ 0dBVU(+4dBu=1.228V)ซึ่งใกล้เคียงกับ 1.4V(5dBu)
ดังนั้นค่า input sensitivity ใน specification sheet จึง เป็น 0.775Vและ1.4V
การตั้งค่า input sensitivity ของ amplifier เป็น0.775V กับ 1.4V นั้น เป็นการตั้งค่าแบบ
fixed sensitivityหากเรา setค่า input sensitivity ของ amp เป็น 0.775Vนั้นหมายความว่า
Power rate สูงสุดที่ amp ขยายได้นั้นต้องการ input 0.775V (ที่ตำแหน่งvolume amp บิดสุด)
ดังนั้นเราจะสามารถหา อัตราขยายของ amp เป็น dB ได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้

ถ้าปรับinput sensitivity 0.775V ของ crown MA2402 ที่ load 8 ohm จะคำนวนอัตราขยายเป็น voltage gainได้ดังนี้
จาก P=V
2/R
520=V
2/8
V=64.5V
และจาก

จะได้
L
dB=20log[64.5/V
0] ; V
0=0.775V
L
dB=38.41 dB
ตัวอย่างต่อไป

ตารางที่ 1 แสดง อัตราขยาย (voltage gain) ของ amplifier รุ่นต่างๆ ตามการปรับค่า input sensitivity
จากตารางที่ 1 จะเห็นว่า ที่ input sensitivity 0.775V MA2404 มีอัตราขยาย 38dB ส่วน MA5002 มีกำลังขยาย 42dB
นั้นหมายความว่า ถ้าสัญญาณ output จาก mixer เป็น 0dBu มาเข้าที่ input ของ ampแต่ละตัว ถ้าบิด volume จนสุด จะได้ full power rate แตกต่างกันตามกำลังขยายสูงสุดของแอมป์แต่ละตัว คือ 520W และ 1,300W ตามลำดับ
และถ้าปรับ switch ไปที่ตำแหน่ง 1.4V ต้องใช้สัญญาณจากmixer +5dBu เพื่อที่จะได้ full power rate เท่ากับ สัญญาณ 0 dBu ที่ ตำแหน่ง 0.775V
แล้วที่ตำแหน่ง input sensitivity 26 dB นั้นหมายความว่าอย่างไร
ที่ตำแหน่งนี้ เป็นการปรับ แบบ fixed gain โดย อ้างอิงจาก input gain 0dBu จะขยาย output gain เป็น 26dB เสมอ
-ถ้าสัญญาณ input 3 dBu จะได้ output gain 29dB (26+3)
-ถ้าสัญญาณ input -10 dBu จะได้ output gain 16dB (26+(-10))

ตารางที่2 แสดง input sensitivity ที่เพิ่มขึ้น เมื่อปรับเป็นแบบ fixed gain 26 dB
หากเราต้องการ ใช้gain input เพื่อขับ amp ให้ได้ full power rate จะต้องให้ input voltage ที่แตกต่างกันไปตามpower rate สูงสุดของampแต่ละรุ่น เช่น MA2402 (38dB)จะขับให้ได้ full power rate @ 8 ohm ต้องใช้ voltage gain 3.2V(12dBu)
ส่วน MA 5002VZ(42dB) ต้องใช้ 5.1V(16dBu)
คิดให้ง่ายขึ้นคือ เอาอัตราขยายของ power amp ตัวนั้น ลบจาก 26 dB
MA2402 ; 38-26=12dBu
MA5002VZ ; 42-26=16dBu
ค่าที่หาได้ก็คือ gain ที่เราจะต้องจ่ายจาก mixer เพื่อให้แอมป์แต่ละตัวได้กำลังสูงสุด
ดังนั้นเมื่อเราปรับ sensitivity ให้เป็นแบบ fixed gain 26dB headroom ของpower amp จะเพิ่มขึ้นแตกต่างกันไปตาม maximum output power rate ของamp แต่ละรุ่นการปรับ input sensitivity แบบ fixed gain เหมาะสำหรับการใช้งาน power amp หลายๆเครื่องในระบบใหญ่ๆ ที่มีเครื่อง gain controller เพียงตัวเดียว
และ power amp ที่ใช้ในระบบนั้น ไม่จำเป็นต้อง เป็นยี่ห้อหรือรุ่นเดียวกัน ถ้าใช้ input gain เท่ากัน เสียงจะดังเท่าๆกัน
ยกเว้นกำลังสูงสุดของ ampแต่ละตัวไม่เท่ากัน เมื่อเร่งgain ถึงระดับสูงสุดของ amp ตัวกำลังขยายน้อย จะclipก่อน
เช่น
เมื่อเร่ง gain ที่ mixer ได้ 12 dBu MA2402 จะclip ก่อน ส่วน MA5002VZ จะยังไม่clip
สำหรับการ match gain structure ของการปรับ sensitivity แบบ fixed gain ก็เหมือนกับ การปรับทัั่วๆไปดังที่กล่าวมาข้างต้น คือให้สัญญาณ เป็นแบบ peak to peak แล้วปรับลด volume ของampลงจนเกือบclip